วันเสาร์ที่ 14 พฤษภาคม พ.ศ. 2559

ນິຣາດວຽງຈັນ ຕອນ 5

พฤกษาชาติดาษดื่นเป็นพื้นร่มดูระดมสุกงามเมื่อยามผล
ด้วยเรือนร้างว่างขาดนิราศคนระบุหล่นดื่นดาษลงกลาดดิน
พวกเดินทางพลางเก็บผลาหารอันเปรี้ยวหวานโดยนิยมสมถวิล
บ้างหาบห่อพอควรจะยวนยินบ้างหยุดกินชื่นบานสำราญใจ
พระสุริยงเที่ยงถึงกึ่งทวีปก็เร่งรีบไปยังท่าชลาไหล
ตำแหน่งบ้านพรานพร้าวพวกลาวในเป็นย่านใหญ่เยิ่นยาวสักคราววัน
พอตรงเวียงเห็นวังที่ฝั่งข้ามวิเศษงามเพราเพริดดูเฉิดฉัน
ทองระยับจับแสงพระสุริยันที่หน้าบันช่อฟ้าบราลี
เสด็จจากพระที่นั่งไอยเรศถึงนิเวศเวียงท่าชลาศรี
ให้จัดพวกโยธาลงนาวีจะเร่งข้ามวารีให้รีบจร
เสด็จลงทรงเรืออุปราชงามประหลาดแลเลื่อมประภัสสร
ที่ทำลายรจนากันยางอนทั้งหน้าท้ายเข้าร้อนไปกลางชล
ถึงฝั่งฟากวังเวียงเคียงประทับทรงสดับทูลแสดงแจ้งนุสนธิ์
ว่าเจ้าเวียงยกหนีไม่มีคนจรดลสุดแดนพนาดร
ประชาราษฎร์ครอบครัวก็กลัวหนีเที่ยวแตกเข้าไพรศรีและสิงขร
ล้วนเรือนร้างว่างเว้นเย็นนครเที่ยวซนซ่อนพรายพลัดกระจัดจาย
เสด็จพักที่ตำหนักชลมาศอันโอภาสดูงามอร่ามฉาย
บรรจถรณ์แท่นพนักจำหลักลายฉากระบายบังนางอยู่ข้างใน
เป็นที่เคยของนุสำราญร้อนชวนสมรมิ่งมิตรพิสมัย
ลอยกระทงลงเล่นชลาลัยสนามในน้ำของไม่ขาดปี
เมื่อจะสุขเห็นจะแสนสำราญนักก็ประจักษ์นัยนาแต่ท่าที่
ทั้งโรมริมคบคาศาลารีถนนสี่กั๊กเกี่ยวตลอดกัน
เมืองประมาณด้านยาวสักร้อยเศษถึงคันคูสุดเขตในเขื่อนขัณฑ์
มีค่ายล้อมป้อมเคียงอยู่เรียงรันเป็นสองชั้นเชิงเทินที่เดินพล
ถ้าตั้งรับกับเมืองก็เต็มมุ่งจะติดตามข้ามคุ้งก็ขัดสน
กระสุนใหญ่สุดยั้งเป็นกังวลจรดลยากแค้นแสนกันดาร
แต่ทัพหมื่นเต็มหมายทำลายลุจะมุ่งมุสามารถเข้าอาจหาญ
หลลาวเหลือล้นพ้นประมาณถ้าต่อต้านเต็มคิดจะติดตี
นี่หากฤทธิ์จอมณรงค์อันทรงเดชไปปราบเข็ญเย็นเกศทั้งกรุงศรี
ให้ศึกเกรงศักดาไม่ราวีปลาตหนีเวียงวังไปทั้งนวล
พี่นั่งนึกตรึกตรมอารมณ์ร้อนยิ่งอาวรณ์มิได้วายกระหายหวน
เห็นนิเวศเวียงจันท์ยิ่งรัญจวนคะนึงนวลนุชหน่ายเสน่ห์นาน
ดูวงวังดุจดังถิ่นสถิตไม่เพี้ยนผิดนัคเรศเขตสถาน
ยิ่งเปล่าเปลี่ยวเหลียวแลอยู่แดดานอุระปานเปี่ยมปิ่มทำลายวาย
พอเสร็จเรื่องบริรักษ์ตำหนักชลจรดลจากท่าชลาสาย
สะพรั่งพร้อมหมูพหลพลนิกายจำนงหมายนัคเรศทวารา
ล่วงทวารด่านโดยทักษิณทิศพี่เปลี่ยวจิตเปล่าใจอาลัยหา
งามสถานปานศรีอยุธยาช่างเทียบทำทีท่าไม่ผิดทรง
ลุถนนดลโรงอัศวเรศมีหอลอยคอยเหตุสูงระหง
เป็นสามชั้นกลองชัยอยู่ในกรงล้วนบรรจงเงื้อมงามอร่ามตา
มีตึกดินทิมดาบขนาบข้างศาลาใหญ่ให้ขุนนางนั่งปรึกษา
ทั้งโรงรถโรงคชไอยราเป็นสง่าตามแถวอยู่แนวทาง
มีโรงศักดิ์โรงแสงตำแหน่งที่ทั้งโรงสารบัญชีอันกว้างขวาง
อีกโรงพิจารณาศาลากลางทั้งสองข้ามแถวทิมอยู่ริมวัง
มีโรงปืนหน้าป้อมล้อมนิเวศจนรอบเขตซ้ายขวาและหน้าหลัง
ที่วงในล้วนแล้วแต่แถวคลังเป็นตึกตั้งรายเรียงอยู่เคียงกัน
มีโรงโขนใหญ่เยี่ยมเอี่ยมสะอาดงามประหลาดน่าชมดูคมสัน
มีรอกร้อยห้อยเหาะเห็นเหมาะครันเป็นจักรผันเลี้ยวไล่กันไปมา
มีอาวาสลาดล้วนศิลาเลี่ยนช่อวิเชียรวาววามพระเวหา
หางหงส์ยอดลำยองล้วนทองทารจนาด้วยสุวรรณอันบรรจง
มีมณฑปอันประดับวิเชียรรัตน์กระจ่างจัดฉ้อช้อยลอยระหง
งามสมทรงสมตรวจทั้งทรวดทรงเป็นวัดวงในเขตนิเวศวัง
ทรงสำนักพักหน้าอุโบสถเป็นราบหลั่นชั้นลดนอกผนัง
ก็ตรัสสั่งให้พระยารักษาคลังแล้วเสร็จยั้งหยุดพักพวกโยธี
พี่ลัดเลี้ยวเที่ยวชมแถวสถานแสนสำราญรื่นเริงบันเทองศรี
สารพันเสร็จสรรพสำหรับมีตำแหน่งที่จักพรรดิกษัตรา
ไฉนหนอยังควรมาคิดร้ายไม่ว่างวายที่อำนาจปรารถนา
ให้เสื่อมสูญเวียงจันท์สวรรยาอนิจจาจนวิบัติกำจัดจร
เพราะหมายมุ่งอยุธยามหาสถานประกอบการมุ่นมุเห็นลุถอน
ไม่สมหมายตายยับเป็นสับบอนทิ้งนครไปท่าสีดาดง
แล้วเดินเลยล่วงทวารในนิเวศตามสังเกตจงจิตคิดประสงค์
ถึงเกยรถเกยคชสารทรงอันหยัดยงคู่เคียงอยู่เรียงราย
ท้องพระโรงที่แท่นสุวรรณรัตน์เศวตฉัตรห้าชั้นอันเฉิดฉาย
กำพูพื้นแดงฉันสุวรรณพรายงามระบายขามขำดูอำไพ
ตำแหน่งนอกมีที่นั่งสำราญร้อนที่นั่งสนามศศิธรอันสุกใส
พี่เที่ยวชมชื่นบานสำราญใจแล้วตรงไปเข้าสู่ที่ไสยา
เป็นหลายชั้นหลั่นลดจนเลยหลงล้วนบรรจงวาดเขียนอันเรขา
กระจกซุ้มกลุ้มกลาดสะอาดตาโคมระย้าแสงระยับสลับกัน
ในตึกกลางแห่งนางอนงค์นาฏมีที่ลาดไสยาทำฝาคั่น
เป็นคู่คู่เคียงเคียงอยู่เรียงรันกระแจะจันทน์หอมหวนรำจวนใจ
เหมือนคนหิวอาหารได้พานรสพอจิบจดซาบซ่านสะท้านไหว
ด้วยนาสาปรากฏกำหนดในให้สงสัยค้นห้องไม่หายแคลง
จนสุดสิ้นเรือนหลวงทั้งหกหลังพะวงหวังมิได้วายหายแสวง
ไม่พานพบสบสมรยิ่งร้อนแรงกลิ่นแสลงเข้าสลับจับกมล
แล้วเลยลงทางสวนมาลีเลี้ยวประพาสเที่ยวในตำแหน่งทุกแห่งหน
เห็นเรือนางกัลยาดูน่ายลเป็นท่องแถวแนวถนนกระหนาบกลาง
ล้วนรุกขาน่าชมดูร่มรื่นที่ภูมิพื้นรายเรียงเคียงกระถาง
มีสระโศกเคียงสนอยู่ต้นทางทำแท่นวางไว้ประทับสำหรับทรง
ประชุมชวนนวลนุชสุดสวาทเลือกประพาสตามจิตคิดประสงค์
ที่เอวบางร่างรัดสันทัดทรงล้วนอนงค์นางฟ้อนชะอ้อนนวล
ทั้งสามร้อยกลอยแก่ไม่อิ่มหนำยังโลภทำทุจริตให้ผิดผวน
จนเสียเมืองเคืองแค้นไปแดนญวนไม่ข้อควรเลยมาคิดให้จิตตรม
แต่สินทรัพย์นั้นจะนับสักหมื่นแสนออกเนืองแน่นนัคราไม่สาสม
มีเมืองขึ้นรอบประเทศเขตนิคมมาประณมน้อมกายถวายกร
เป็นจอมจักรนัคเรษประเทศราชอันหมายมาดเมืองศุภอักษร
ทุกแดนลาวเลื่องชื่อลือขจรสถาวรเรืองยศปรากฏนาม
พี่แจ้งเรื่องแรมรักอัคเรศกำหนดเหตุเค้าเงื่อนเมื่อเดือนสาม
เป็นปีจอต่อกุนขุ่นสงครามบังเกิดความเคืองแค้นทั้งแดนไตร
ต้องกรีธาทัพจรไปรอนรบกระจายจบเมื่อตอนสะท้อนไหว
ไปลุยล้างเวียงจันท์เสียบรรลัยระยำไปย่อยยับอัปรา
ผู้เกิดหลังวังเวียงนั้นเลื่อนลับได้สดับแล้วก็ยังจะกังขา
ดำเนินนามเวียงจันท์จำนรรจาไม่แจ้งว่าเมืองบ้านสักปานใด
จึงกำหนดไว้ที่นุชสุดสวาทเป็นนิราศแรมมิตรพิสมัย
พอจดจำมรคาพนาลัยเป็นตราใจทุกสำนักลำเนาทาง
แต่บทกลอนสอนทำไม่ชำนิอย่าแต้มติไยไพให้ใจหมาง
จงต่อเติมเพิ่มกลอนอักษรวางให้เรืองรางพริ้งเพราะเสนาะเอย ฯ
            
๏ เจ้า นิพนธ์พจน์เพื่อเรียงแถลง
ทับ นรินทร์นเรศร์แรงเลื่องหล้า
วัง บวรทรงแสดงสิทธเสร็จ ท่านเฮย
หลัง หยุหข่มข้าเหล่าร้ายตายแสยง ฯ
๏ ทำ วิถีสถลมารคแหม้นอารัญ
ไว้ เมื่อค่ำคืนวันหยุดยั้ง
ให้ อนงค์นิ่มนวลจันทร์รู้เรื่อง รักแฮ
แจ้ง ที่จริงไป่พลั้งแน่งน้อยอย่าฉงน ฯ
๏ ศรีสัตนาคนหุตเจ้าจอมสกล
ส้มป่อยพ่ายเสียพลยิ่งร้อย
สองเสด็จดัสกรกลเทวษ ท่านฤา
ตูบ่อาจต่อต้อยเร่งร้างเวียงถวาย ฯ
            

ນິຣາດວຽງຈັນ ຕອນ 4


เราจัดแจงกันให้พร้อมไปล้อมไว้จะจับไทยเล่นให้สุขเกษมสันต์
มัดแขนศอกเอามาเบิ่งหน้ามันแล้วส่งเมื้อเวียงจันท์ให้เจ้าเรา
ครั้นปรึกษาปรารภกันเสร็จสรรพก็ยกทัพเปิดทางลงหว่างเขา
ล้วนธงทิวพู่หอกเป็นดอกเลาทั้งม้าช้างย่างเหย่าเร่งเร็วมา
สุริยะแม่ทัพขึ้นเสลี่ยงสองข้างเคียงดาบกรายทั้งซ้ายขวา
อ้ายหงวนคำหนุนทัพสลับมาอ้ายสุโพทัพหน้าก็รีบจร
ไอยราห้าร้อยล้วนสับสนกระหึ่มมันกล้าชนไม่ย่นหย่อน
ตระหง่านเงื้อมภูผาเห็นงางอนล้วนผูกเขนอาภรณ์สง่างาม
เอาหอกซัดมัดปักไว้สองข้างคนกลางถือปืนยืนสนาม
คนคอของ้าวดูวาววามคนท้ายสายทามกระวินตี
พวกทัพม้าดาดาษออกกลาดป่าทั้งเบาะอานพานหน้าสลับสี
ปักหางมยุราเป็นท่าทีทหารขี่ควบขันกันเร็วมา
พวกทัพพลเดินเท้าราวกับมดทั้งดงแดนแน่นหมดออกมืดป่า
สรรพไปด้วยอาวุธอันนานามีเชือกยาวราววาทุกตัวคน
พอทัพหน้าถึงค่ายเข้ารายล้อมพวกทัพหลวงหุ้มห้อมเข้าสับสน
ออกถอนขวาดถอนหนามคำรามรณตั้งประจญประชิดเข้าติดพัน
พวกกองหลังตั้งติดปีกกาในเข้าชิงหนองน้ำไทยลงตั้งมั่น
ทั้งช้างมาดาล้อมอยู่พร้อมกันเป็นสามชั้นมิได้ว่างออกเคลื่อนคลาย
ทั้งไทยมอญพะม่าออกมารับเห็นศึกหุ้มทุ่มทับระส่ำระสาย
ทั้งเสียงคลองหนองน้ำจะซ้ำตายให้ระหายหิวโหยอยู่โรยแรง
เสียงไทยโห่มอญเห่พะม่าฮือสดับดังอู้อื้อด้วยคอแห้ง
พวกศึกลาวมีใจยิ่งได้แรงเร่งเข้าแย่งค่ายให้ยับจะจับคน
ทั้งไทยมอญพะม่าไม่ล่าถอยก็ยิงปืนใหญ่น้อยดังห่าฝน
บ้างล้มลุกคลุกคลานไม่ทานทนทั้งญวนวิ่งลาววนอยู่วุ่นวาย
บ้างแขนหักขาขาดลงกลาดกลิ้งบ้างล้มพิงพาดขอนลงนอนหงาย
บ้างถูกไม่สำคัญไม่ทันตายก็กระจายวุ่นวิ่งเป็นสิงคลี
เข้าโหมแหกสามหนก็ย่นยับจนรอบค่ายตายทับกันแต่ผี
ก็ตั้งมั่นประชิดเข้าติดตีทุกหน้าที่ล้อมปิดไว้มิดไทย
ทั้งเสียงพลเสียงปืนออกครื้นครั่นหมวันต์กัมปนาทหวาดไหว
ม้าเร็วรีบขับด้วยฉับไวเอาเหตุไปทูลฉลองที่หนองบัว
ครั้นทรงทราบเสร็จสั่งให้เกณฑ์ทัพเร่งจัดจับเข้ากระบวนให้ถ้วนทั่ว
ที่หาบคอนซ่อนไว้ไปแต่ตัวจนสุดสิ้นหนองบัวเร่งบอกกัน
ทรงจัดไว้ให้อยู่สักสามร้อยขึ้นหอคอยเฝ้าค่ายอย่าผายผัน
ระวังลาวอย่าให้ลัดมาตัดทันจงจัดกันลาดตระเวนทุกเวลา
พระยาพิชัยราชาเป็นแม่กองให้ตรึกตรองพิทักษ์อยู่รักษา
ครั้นสั่งเสร็จแล้วเสด็จยาตราสถิตหลังไอยราที่นั่งทรง
ได้ฤกษ์ดีตีฆ้องกลองสนั่นบันลือลั่นหิมวาป่าระหง
ท่าตาเกศเวทดีก็คลี่ธงจมณรงค์ยาตราพลากร
ออกชายทุ่งมุ่งป่าพนาเวศตามสังเกตทิวทางหว่างสิงขร
ก็ผ่านพบคนควบอัสดรนำศุภสุนทรมาทูลความ
ว่าทัพหน้าลาวล้อมไว้แน่นนักเข้าแหกหักถ้วนครบคำรบสาม
เห็นทัพหลวงหน่างช้าให้มาตามอันสงครามครั้งนี้เห็นสุดแรง
ในวันนี้ทัพช่วยไม่ถึงทันเห็นไม่ถึงสุริยันจะยอแสง
ทั้งข้าวน้ำไม่ได้กินก็สิ้นแรงจะคุมแข็งอยู่สักกึ่งทิวาวัน
ครั้นทราบเสร็จทรงเร่งไอยราให้บุกชัฏลัดป่าพนาสัณฑ์
หมู่พหลพลไกรไปไม่ทันก็คลาดกันหมวดกองกระจัดจาย
ที่เดินจัดตัดตามเสด็จทันไม่แข็งขันเมื่อยล้านั้นเหลือหลาย
เสียกระบวนป่วนแยกกันแพรกพรายด้วยทรงหมายว่าจะช่วยให้ทันที
ครั้นใกล้ค่ายพบลาวอยู่ราวป่าให้ฟันฝ่าเข้ากลางหว่างวิถี
ดำรัสเร่งโยธาเข้ายายีกระโจมตีเบิกทางเข้ากลางพล
พวกทัพลาวกลัดกลุ้มเข้าหุ้มไว้เร่งล้อมไทยตัดทางไว้กลางหน
บ้างไสช้างวางม้าเข้าผ่าพลอ้ายช้างเข็นแทงคนไม่ขามงา
ทหารขี่ตีท้ายแล้วปรายหอกทั้งในนอกกลุ้มกลัดสหัสสา
จอมณรงค์ทรงยืนพื้นสุธาคอยเลี่ยงหลีกหลบงาที่ร่มรัง
จัตุรงค์ร้อยเศษที่ตามไปทั้งนายไพร่มิได้ท้อจะถอยหลัง
เห็นงาช้างเสยสอยคอยระวังบ้างหลบบ้างเบนแทงทแยงยิง
ทั้งคนช้างต่างต้องศัสตราวุธอุตลุดวุ่นวายกระจายวิ่ง
บ้างซานซมล้มกลาดลงพาดพิงบ้างตายกลิ้งเกลื่อนกลุ้มประชุมกัน
ทั้งแปดทิศมิดมืดแต่คนช้างจะเรื่อรางก็แต่ช่องปล่องสวรรค์
พวกกองไทยถาโถมเข้าโจมฟันพวกลาวรับขับกันเข้าต่อตี
ดูกองไทยดุจไกรสรราชอันองอาจมิได้ท้อจะถอยหนี
เข้าฝ่าฝูงเถื่อนถึกมฤกคีดูท่าทีเผ่นโผนโจนทะยาน
บ้างหลีกหลบรบรับคอยกลับกลอกทั้งดาบหอกฟาดฟันกันฉาดฉาน
บ้างโจนแทงแฝงฟันประจัญบานบ้างรุกราญหลีกไล่กันในที
ทัพพระยาล่าหลงในดงชัฏเร่งตามตัดมรรคาพนาศรี
เห็นลาวล้อมจอมณรงค์ในพงพีได้ท่วงทีถาโถมเข้าโจมฟัน
ตลบหลังตั้งหน้าประดารบตีกระทบลาวป่วนอยู่หวนหัน
ไม่ทานทนย่นแยกออกแตกกันกระโดดดันแหกหักเข้าพงพี
ไปกลัดกลุ้มรุมแหกเอาค่ายหน้ามอญพม่าพร้อมจิตไม่คิดหนี
ออกฟันแทงแย้งยิงเป็นสิงคลีด้วยยินดีว่าเสด็จไปถึงทัน
แล้วทรงจัดคงคากระยาหารพระราชทานกองทัพล้วนสรรพสรรพ์
ยิ่งเข้มแข็งแรงฤทธิเข้าติดพันเพราะหมายมั่นทัพช่วยกระหนาบมา
พวกกองลาวเหลือฤทธิจะคิดแหกก็ย้ายแยกกองซ้ายและฝ่ายขวา
เอาทัพช้างกางซีกเป็นปีกกาจะห้อมหุ้มโยธาทั้งทัพไทย
ก็ทรงสั่งปีกซ้ายทนายขวาให้กางทานต้านหน้าอย่าหวั่นไหว
ทหารม้าพาพลลำพองใจเข้าลุยไล่ฟาดฟันประจัญบาน
ลาวรับไทยรุกเข้าบุกรบลาวหลบไทยไล่ด้วยใจหาญ
ลาวยิงไทยวิ่งเข้ารอนราญลาวแตกแซกซ่านเข้าพงพี
ข้างปีกซ้ายลาวตายลงซับซ้อนขยาดหย่อนเสียเชิงกระเจิงหนี
แล้วเนื่องหนุนโยธามาราวีเข้าต่อตีตัดทางออกกลางแปลง
ทัพไทยได้ชัยไม่ยั้งหยุดรีบรุดเข้าหักด้วยกำแหง
เป็นควันกลุ้มเมฆาในป่าแดงไม่แจ่มแจ้งมัวมืดเป็นเมฆี
ล้วนโลหิตติดไม้ลงไหลกองออกเนืองนองแดงดาษปัฐวี
อาศพกลาดดาษดงในพงพีบ้างทับยีเหยียบย่ำกันรอนราญ
ต้นเต็งรังพังล้มระดมดาษก็โค่นขาดราบรื่นด้วยปืนผลาญ
ละโล่งเลี่ยนเตียนพงในดงดานทุกห้วยธารโทรมทรุดชำรุดพัง
ศึกส้มป่อยฟั่นเฝือเหลือกำหนดจะจำจดสุดเล่ห์คะเนหวัง
แต่ฟันฝ่าอาวุธสุดกำลังเป็นศึกสั่งเวียงสิ้นฝีมือลาว
เฝ้ารบรับสัประยุทธ์จนสุดฤทธิเมื่อขุกคิดกัมปนาทอนาถหนาว
ด้วยข้องขัดลูกดินนั้นสิ้นคราวเอาหอกง้าวดาบดั้งเข้าราวี
ทั้งสองคืนสองวันประจันรบจนจวนพลบไทยแหกก็แตกหนี
เตลิดด่านซานขึ้นบนคิรีบ้างวิ่งเข้าพงพีกระจัดกระจาย
อนุแจ้งเหตุการณ์ว่าด่านเสียก็พาเมียจะไปสู่กระแสสาย
เสลี่ยงขาดพลาดล้มลงจมทรายนิมิตร้ายบอกเหตุมหัศจรรย์
ทั้งผ้าผ่อนล่อนลุ่ยไม่ติดตนก็เซ่อซนสิ้นสมประดีไม่มีขวัญ
ลงเกลือกกลิ้งนิ่งแน่อยู่แดยันอุระสั่นสิ้นทั้งวิญญา
เรียกอนงค์นุชน้องคำปล้องพี่ว่ามานี่มาเร็วพี่ร่ำหา
คำปล้องภู่คู่ใจครรไลคลาหวีดผวาเข้าประคองทั้งสองนาง
พยุงองค์ทรงยืนให้ยุรยาตรไปข้ามหาดลงท่านาวาขวาง
ให้เคืองแค้นคนหามไปตามทางสั่งให้ล้างคู่ท้ายเสียวายชนม์
แล้วเร่งรัดจัดทรัพย์สิ่งของทั้งเงินทองดื่นดาษไม่ขาดขน
ตำรวจรักษ์แจกปันทั้งพันคนสำหรับตนติดตามไปนาวา
กำหนดเงินคนละชั่งตั้งพิกัดบ้างซ้ำตัดทองเติมบ้างเพิ่มผ้า
บำรุงใจไปเป็นเพื่อนอาตมาครั้นเสร็จสั่งภริยายอดอนงค์
ทั้งสามร้อยน้อยแน่งนางสนิทที่ใช้ชิดคู่เชยเคยประสงค์
ว่าเวรกรรมจำเพาะมาเจาะจงจะจำจากเวียงวงนิเวศเรา
ผู้ใดมีวงศาคณาญาติเราให้ขาดเร่งมารับไปเถิดเจ้า
ที่นางไทยให้คืนถิ่นภูมิลำเนาไปตามเผ่าพงศ์ญาติที่กวาดมา
ทั้งเงินทองกองโกยเอากอบให้มากน้อยตามใจปรารถนา
ที่ไร้ญาติขาดมิตรไม่ติดมาเป็นกำพร้าเลือกไว้เอาไปตาม
ครั้นเสร็จสั่งวงศาประชาราษฎร์เร่งต้อนกวาดลงนาวาท่าสนาม
ที่ล้นเหลือไล่ส่งเข้าดงรามให้ยกตามทางบกเป็นหมวดกอง
ประมาณหมู่สัดจองที่ล่องตามสักพันลำลอยหลามแม่น้ำของ
ขอสำเร็จเสร็จสรรพทั้งเงินทองก็ทิ้งเมืองเลยล่องทางนัที
เมื่อศูนย์เสียเวียงจันท์นั้นเดือนหกเป็นปีกุนนพศกอนุหนี
ยกนิกรโยธาลงนาวีก็ตรงไปยังที่ท่าสีดา
ครั้นสงครามมีชัยได้ดังนึกพระจอมศึกทรงโสมนัสสา
ให้เตรียมตรวจหมวดหมู่พวกโยธาจะยกข้ามภูผาไปตามตี
ที่ป่วยไข้ให้คืนหนองอุบลรักษาตนตั้งทัพอยู่กับที่
แล้วหยุดยั้งรั้งแรมพวกโยธีอยู่เชิงชายคิรีริมคงคา
พี่แสนสุดชอกช้ำระกำกายดังจะวายวางชีพลงสังขาร์
แต่ทรมานอยู่บนอานอัศวราสามทิวามิได้เว้นสักโมงยาม
จนศึกไปได้ชัยชนะแล้วจึงเคลื่อนแคล้วจรดลพ้นสนาม
ก็ไม่วายหวาดพะวงในสงครามยังกริ่งเกรงว่าจะตามมาต่อตี
สู้อดกลั้นเวทนานั้นสาหัสถึงเจ็บขัดมาดหมายไม่หน่ายหนี
ขึ้นชื่อชายไม่เสียดายชีวีมีเมื่อถึงที่กองกรรมก็จำเป็น
แม้ยสุดฤทธิจิตพี่จะจากรักยุพาพักตร์จึงจะลับไม่แลเห็น
ถ้ากุศลช่วยชูให้อยู่เย็นไปปราบเข็ญแล้วคงพบประสบกัน
แล้วถอยทัพลงมารับอีกสองศึกอ้ายขอนแก่นโหมฮึกทำหุนหัน
เข้าล้อมค่ายหนองบัวอยู่พัวพันได้รบกันล่าหลบขึ้นคิรี
ก็ตรัสสั่งพระณรงคสงครามให้ยกเร่งรีบตามไอ้ลาวหนี
ไปทันทัพรบรับกันทันทีพวกไทยลาวตีแตกกระจายจร
ก็หยุดทัพกลับพวกจัตุรงค์ค่อยลัดลงตามทางข้างสิงขร
ถึงถวายบังคมประณมกรแสดงความตามที่รอนราญณรงค์
ครั้นศึกเสร็จแล้วเสด็จจรลีขึ้นข้ามด่านคิรีสูงระหง
ล้วนหินเลื่อมเหลืองพรายเป็นลายรงค์เงื้อมชะโงกโตรกตรงเป็นตรอกทาง
จำเพาะขึ้นจรดลได้คนเดียวจะเลี่ยงเลี้ยวหลีกลัดก็ขัดขวาง
พอช้างก้าวเท้าตรงให้ลงรางค่อยย้ายย่างคุกเท้าด้วยเข่าคลาน
เอางวงคว้าผากอดแล้วสอดท้าวค่อยโน้มน้าวหน่วงกิ่งพฤกษาสาร
จนสุดยอดยากแค้นแสนกันดารอันมีชื่อช่องเข้าสารเป็นเขื่อนเวียง
บนยอดเขาตั้งค่ายแล้วรายขวากต้องเดินบากเบี่ยงเท้าคอยก้าวเฉียง
ล้วนกองหินรอบค่ายอยู่รายเรียงค่อยลัดเลี่ยงเลี้ยวเลียบคิรีจร
ลงหลังเขาค่ายมีอีกสี่ด้านระยะย่านต่อตั้งทัพสิงขร
เห็นแถวทัพลาวทำประจำนอนจนเต็มดอนพิศดูน่าอัศจรรย์
เห็นแต่ค่ายผู้คนเที่ยวซนหนีเพราะเสียทีแตกทัพอันคับขัน
จะรอรับกลับตัวกลัวไม่ทันเตลิดเลยเวียงจันท์กระจัดจาย
ดูคิรีที่ขันดังเขื่อนเพชรน่าขามเข็ดคิดไปก็ใจหาย
ไม่ควรทิ้งนัคราน่าเสียดายด่านทลายศึกจะเลยเข้าเกยวัง
หัวจุกลาวคราวนี้เป็นที่มาดจะแคล้วคลาดมือไทยอย่าได้หวัง
ต้องบุกป่าผ่ารกอกแทบพังให้แค้นคั่งเดือดดาลทะยานใจ
แล้วรีบจรข้ามดอนโดยวิถีลงจากที่โขดเขินเนินไศล
ถึงสถานบ้านแถวอยู่แนวไพรเป็นย่านใหญ่เยิ่นยาวอยู่ราวทาง
ที่ทุ่งนาท่าน้ำลำละหานปลสะอ้านดูสะอาดดังกวาดถาง
เห็นแต่ราวตากผ้าที่ท่านางเป็นบ้านร้างเรือนเย็นไม่เห็นคน
พระสุริยนยอแสงสนธเยศเสนาะเสียงมยุเรศในไพรสณฑ์
วิเวกแว่ววาบทรวงดวงกมลระเหหนหาที่จะนิทรา
ถึงบ้านเมดอาวาสสะอาดเอี่ยมดูราบเลี่ยมรื่นรุกขสาขา
จอมณรงค์ทรงประทับบนพลับพลาประชุมชาวโยธาสถิตนอน
ครั้นหิรัญรุ่งสางสว่างภพกระจ่างจบหิมเวศเขตสิงขร
สะพรั่งพร้อมโยธาพลากรทุเรศร้อนรีบยกซึ่งโยธี
ให้ลัดทางลงหว่างจังหวัดบ้านล้วนถิ่นฐานรายเรียงเคียงวิถี
พฤกษาสวนนานาบรรดามีออกกลาดกลางทางที่จะลีลา
พวกกองทัพเปรี้ยวหวานนั้นพานโซก็เผ่นโผป่ายปีนขึ้นพฤกษา
บ้างฟันกิ่งชิงกันเข้าเก็บมาบ้างรั้งราโก่นถางลงวางดิน
ที่เรือนเหย้าเผาจุดแล้วรื้อแย่งบ้างฟันแทงสักสับหาทรัพย์สิน
ทั้งยุ้งฉางล้างล้มลงจมดินให้ช้างกินอาหารสำราญใจ
แล้วจากจรร้อนรีบจรลีถึงถิ่นที่นามบ้านชื่อพานไฝ
เป็นหลุมลุ่มลาดขวางหนทางไปสะพานใหญ่ยาวเยิ่นเกินประมาณ
ระยะห้องหกร้อยห้าสิบหกถึงตีนตกข้ามน้ำลำละหาน
ดูราบรื่นพื้นพาดลาดกระดานที่กลางย่านมีที่สำนักพล
แต่โดยยาวเก้าร้อยกับสามวาดูยืดยังมรคาพนาสณฑ์
ท่านสร้างไว้ให้เดินดำเนินคนอนุสนธิ์สืบแจ้งแสดงความ
เจ้าของสร้างหัวคูอยู่ที่วัดเมตตาสัตว์เดินทางกลางสนาม
ต้องลุยหลุ่มจมลาดไม่ขาดยามผู้ใดข้ามยากแค้นแสนกันดาร
จึงชวนชัดพรรคพวกพระสงฆ์ศิษย์เข้าพร้อมคิดกันสิ้นทั้งถิ่นฐาน
จำหน่ยทรัพย์สินจ้างสร้างสะพานก็สมการปรารถนาอยู่ถาวร
แต่ไอยราพาชีต้องขี่ข้ามลงลุยตามเต็มพรั่นขยั่นหยอน
บ้างติดหล่มจมเลนระเนนนอนจนถึงดอนแสนสุดกันดารเดิน
พวกโยธาพากันขึ้นลินลาศสะพานพาดสูงทรงระหงเหิน
ละโล่งลิ่วทิวแถวแนวดำเนินที่ร้อนแดดรีบเดินไปพักดอน
ครั้นขึ้นพร้อมไอยราและพาชีพวกโยธีคั่งคับสลับสลอน
ตั้งกระบวนด่วนเดินดำเนินจรพี่อาวรณ์พิศวงอยู่องค์เดียว
เห็นถิ่นฐานด้านดาษไม่ขาดบ้านน่าสำราญคิดไปก็ใจเสียว
ละม้ายแม้นกรุงศรีอย่างนี้เจียวเสียดายเปลี่ยวเปล่าเย็นไม่เห็นคน
ที่เขตแดนดูงามไปตามเพศยิ่งประเทศตำแหน่งทุกแห่งหน
มาก่อกรรมคิดการบันดาลดลให้ไพร่พลพลัดพรายกระจายจร
ดูบ้านพลับน่าเพลินจำเริญจิตถิ่นสถิตอยู่ในกลางหว่างสิงขร
ล้วนเรือนรั้วดื่นดาษไม่ขาดตอนออกซับซ้อนดูสายนัยนา
ระยะทางมีที่ตำแหน่งพักทุกสำนักห้วยธารละหานผา
ที่รื่นร่มริมฝั่งตั้งศาลาไว้พักพวกโยธาที่เดินทาง
เมื่อยามยลถิ่นฐานสำราญจิตแล้วเสียวคิดเตรียมตรมอารมณ์หมาง
เหมือนอกเรียมมานิราศสวาทวางเห็นบ้านร้างดุจเรื่องอันเดียวกัน
รัญจวนพลางทางขับไอยเรศให้ประเวศในระวางพลขันธ์

=============



ກໍລ່ວງເລີຍບ້ານບາງທາງອະຣັນ
(ລ່ວງເລີຍບ້ານທາງອະຣັນ ຄືບ້ານປ່າຂາດອນ)
ກໍລຸເຖິງຄົງຄາຊະລາຂຽວ
(ກໍມາຮອດແຄມນໍ້າຄົງຄາສີຂຽວ @ ເຈົ້າທັບ ຮຽກແມ່ຂອງວ່າຄົງຄາ)
ອັນໄຫຼລົບແກ້ງເກາະເຊາະກະເຊັນ
(ເຊິ່ງໄຫຼ່ລ່ອງຟອງຟົ້ງຟາດເລາະລຽບແກ້ງ ເກາະດອນ)

ພໍສາຍັນສຸຣິຍະນະຣະຍັບເຢັນ
(ໃນເວລາສາຍັນ ຄືຍາມຕາເວັນຄ້ອຍແລງ)
ແມ່ນໍ້າຂອງລ່ອງລ້ຽວພໍແລເຫັນ
(ເຫັນແມ່ນໍ້າຂອງລ່ອງຄົດລ້ຽວ)
ມັດສາເຕັ້ນໂດດຕາມຊະໂລທອນ
(ເຫັນປາເຕັ້ນກະໂດດຕາມວັງນໍ້າ "ຊະໂຣທຣ ແປວ່າແມ່ນໍ້າ ວັງນ້ຳ ຫ້ວງນນ້ຳ)
ກຸມພີພານລອຍລ່ອງທ້ອງສະໝຸດ
("ກຸມພີ ແປວ່າແຂ້" ມີພວກແຂ້ລອຍລ່ອງຕາມແມ່ນໍ້າ "ເຈົ້າທັບວ່າ ທ້ອງສະໝຸດ)ຂຶ້ນດຳຜຸດວ່າຍວຽນສຽນສະລອນ
(ພວກແຂ້ລອຍນໍ້າຜຸດຫົວດຳຊະລອນຊໍາຊ້ອນກັນຫຼວງຫຼາຍ)
ພວກລາຫູຊູຫາງຂຶ້ນຂວາງນອນ
(ຣາຫູ "ອັນນີ້ຄົງຈະໝາຍເຖິງປາຝາຫາງ" ຊູຫາງຂຶ້ນຂວາງນອນ)



ບົນສັນດອນເຊີງລາດທີ່ຫາດຊາຍ
(ຕາມສັນ ຫຼືຫາດຊາຍລຽບແຄມນໍ້າ ເອົາແຕ່ຫາງຂື້ນມາ)


ນັດທີກວ້າງວ້າງເວີ້ງລະເລີງລິ່ວ
(ແມ່ນໍ້າໃຫຍ່ກວ້າງຟອງເຟືອນຟາດດັງສະໜັ່ນຍາວໄກ)
ລະເມາະໝູ່ວັງວຽງນັ້ນລຽງລາຍ
(ມອງເຫັນວັງວຽງມາດມາຍສະຫຼັບກັບຕົ້ນໄມ້ເປັນຍ່ານ)


ພໍເຫັນທິວໄມ້ບ້ານປະມານໝາຍ
(ພໍເຫັນທິວໄມ້ ຫຼືປາຍໄມ້ສຸດສາຍຕາ ຕາມກະປະມານມອງເຫັນ)

ຢູ່ຟາກຝ່າຍບູຣະພາທີ່ທານີ
(ຢູ່ຝັ່ງຕາເວັນອອກຂອງພະນະຄອນ)
ພວກ ທັບໄທຍ໌ເຖິງຝັ່ງປະຈິມທິດ
(ກອງທັບໄທຍ໌ມາເຖິງວຽງຈັນທິດຕາເວັນຕົກ)

ພໍມືດມິດສິ້ນແສງພຣະສຸຣິຍ໌ສຣີ
(ແສງພຣະອາທິດກໍມືດມິດ)

ກໍຢຸດຢັ້ງຣັ້ງແຮມເຊິ່ງໂຍທີ
(ກໍຢຸດໂຍທາພັກແຮມ ນະທີ່ນັ້ນ)
ປະທັບທີ່ທ່າບໍ່ຕຳບົນບາງ
(ປະທັບ "ພັກທີ່" ຕາແສງທ່າບໍ່)
ມີສາລາພົນພັກສຳນັກນໍ້າ
(ມີສາລາພັກໄພ່ພົນທ່ານໍ້າ)
ອະນຸທຳໄວ້ທີ່ຝັ່ງແລ້ວຕັ້ງສາ
(ພຣະເຈົ້າອະນຸວົງສ້າງໄວ້ເປັນສາງທີ່ຝັ່ງ
สำหรับข้ามคงคาเป็นท่าทางที่ขึ้นช้างเกยตั้งบนฝั่งชล
สถานที่โล่งเลี่ยนเตียนสะอาดอยู่ชิดหาดชายไม้ที่ไพรสณฑ์
พวกกองทัพบันเทิงสำเริงรณทุกตัวตนเหิมใจจะไปเวียง
ครั้นจวบแจ้งแสงสนธโยบาตฆ้องพิฆาตแข่งขานประสานเสียง
ทั้งโกร่งเกราะเคาะฟังดังสำเนียงดาราเรียงร่อเขายุคุนธร
แสงสุวรรณพรรณรายกระจายแจ้งทั้งเหลืองแดงแลเลื่อมประภัสสร
พลพรั่งพร้อมกระบวนจะจวนจรคเชนทรเข้าประทับกับเกยทรง
รับเสด็จเสด็จโดยสถลมารดให้เคลื่อนคลาดจากท่าชลาสรง
พวกช้างดั้งออกเดินดำเนินธงจัตุรงค์ร่าเริงบันเทิงใจ
ลงข้ามน้ำลำโขงแล้วหมายมุ่งไปตามทุ่งเลียบท่าชลาไหล
ล้วนบ้านเรือนเรียงรันเป็นชั้นไปในหมู่ไม้ทิวแถวที่แนวชล
            

ນິຣາດວຽງຈັນ ຕອນ 3


ให้เสือป่าแมวเซานั้นเล็ดลอดเที่ยวเสาะสอดไประวังฟังนุสนธิ์
ถ้าพบลาวมาแสดงแจ้งยุบลเกณฑ์คนไว้จะจับมาแจ้งความ
แล้วตรัสสั่งทัพหน้าพม่ามอญกองโคราชรีบจรไปทั้งสาม
พอแลลับทัพหลวงก็ล่วงตามอันฤกษ์ยามเทพช่วยอำนวยพร
พลรบบันเทิงสำเริงรื่นดูชุ่มชื่นมิได้ท้อระย่อหย่อน
ล้วนอาวุธกุมจับอยู่กับกรจะคอยรอนรับราชไพรี
บ้างกรายหอกแกว่งดาบแล้วรำง้าวทั้งปืนน้าวหน่วงนกไม่นึกหนี
ขยับท่วงทีท่าจะราวีกำเริบเริงฤทธีทุกตัวคน
คเชนทร์รนร้องม้าคะนองเผ่นปะเตะเต้นกลอกกลับอยู่สับสน
พื้นอากาศผาดผ่องในอัมพลโพยมบนหมดเมฆไม่ราคี
ธงทิวปลิวไสวใบสะบัดวายุพัดสวนส่งตรงวิถี
สดับเสียงเบื้องบนเหมือนดนตรีประโคมขับอึงมี่แล้วตามมา
ทัพเดียวเด่นโดดไปกลางชัฎละเลาะลัดลับไม้ที่ใบหนา
ดาดาษกลาดกลางอรัญวาพงกโยธาโห่ร้องอยู่ก้องไพร
ก็ล่วงลุภูเวียงวงสิงขรพี่อาวรณ์พิศวงให้หลงใหล
ดูละหานธารถ้ำอันอำไพที่วงในบ้านเคียงอยู่เรียงราย
มีทางเดินแห่งเดียวที่ผาขาดดุจเขาคันธมาทน์อันเฉิดฉาย
ข้างรอบนอกพื้นผาศิลารายเป็นที่หมายของอนุสำนักพล
ตั้งพลับพลาไว้ที่หน้าเนินสิงขรสำนักนอนเมื่อดำเนินออกเดินหน
แล้วพานวลนางอนงค์ลงสรงชลเก็บอุบลบุษบาในวารี
แล้วแล่นไล่โคถึกมฤคมาศเที่ยวประพาสนกไม้ในไพรศรี
สำราญใจไพร่พลมนตรีแล้วจรลีแรมร้อนเที่ยวนอนไพร
พอทัพถึงสิงขรเป็นที่ขันก็ตั้งมั่นมุ่งหาที่อาศัย
โปรดให้กองพระเสนานั้นคลาไคลขยับไปตั้งรับอยู่ลำพอง
พอกองโจรสามร้อยมาคอยทัพครั้นได้ทีก็ขยับผันผยอง
เข้านั่งอิงพิงผานัยน์ตามองพอได้ช่องยิงปืนระดมดัง
แล้วโห่ร้องก้องกึกโกญจนาทออกชักปีกพันพาดตลบหลัง
ไทยมอญพม่าละล้าละลังไม่คิดหวังว่าศึกจะโจมตี
บ้างก็ถูกปืนล้มลงกลาดกลิ้งบ้างก็วิ่งซมซานทะยานหนี
บ้างไม่ย่อท้อเข้าต่อตีคลุกคลีไทยลาวตะลุมบอน
พระเสนาเสียกระบวนก็ซวนหนีเข้าชิงที่ชัยภูมิเอาสิงขร
ครั้นตั้งได้ไล่ทหารเข้าราญรอนพม่ามอญตีลัดขึ้นตัดทาง
พวกทัพลาวเหลือทนจะถอยหนีเห็นโยธีเข้าตัดก็ขัดขวาง
แต่ศึกกลุ้มหุ้มไว้อยู่ในกลางกระหนาบข้างเข่นฆ่าเข้าราวี
ลงล้มกลาดดาษดิ้นสิ้นชีวิตทุกคนคิดแยกย้ายกระจายหนี
เที่ยวซุกซนด้นป่าพนาลีจะเอาแต่ชีวีให้คงคืน
ขุนณรงค์องอาจเอกทหารก็ขับอาชาชาญเข้าฝ่าฝืน
ไล่ถาโถมโจมจับไม่กลับคืนจนดึกดื่นลุถึงกึ่งราตรี
เสด็จยกพลตามพวกทัพหน้าเที่ยวบุกชัฎลัดป่าพนาศรี
จนพ้นดงพงชัฎถึงนัทีชื่อลำพองวารีเป็นวังวน
ประกอบด้วยเงือกงูอันแรงร้ายกุมภีล์พาลพล่านว่ายอยู่สับสน
ลงข้ามพลม้าช้างมากลางชลไม่เห็นหนด้วยเป็นยามสนธยา
เที่ยวหลีกไม้ไล่โดนแต่จระเข้จนซวนเซพลาดพล้ำถลำผา
บ้างหกล้มจมลงในคงคาขึ้นคว้าหาฝั่งฟากชลธี
ไปตามรอยบทจรทัพหน้าไล่บุกหารอยเท้าไอ้ลาวหนี
เที่ยวแคะค้นมรรคาในราตรีจนสุดแรงพาชีและไอยรา
บรรลุบ้านนามกะตุดชางแปนโอ้ว่าแสนสุดยากสหัสสา
จนสิ้นแรงหิวโหยลงโรยราเข้าตากต่างโภชนาทุกคืนวัน
ประทับริมอาวาสในหิมเวศตามสังเกตบึงใหญ่ในไพรสัณฑ์
ก็พบพวกกองหน้าเข้ามาทันอภิวันท์หมอบเมียงอยู่เรียงราย
ขุนณรงค์โจมจับเอาลาวได้โปรดให้ไล่คำให้การอ่านถวาย
ครั้นทราบเสร็จทรงเห็นเป็นอุบายจึงสั่งนายขุนณรงค์ให้รีบจร
คอยจับลาวที่จะลงมาจุดบ้านจะชิงขนอาหารเข้าสิงขร
แต่ทัพใหญ่หยุดพักสำนักนอนคอยนิกรล้าหลังในดงดาน
พี่สุดแสนชอกช้ำระกำจิตเหมือนเวรก่อต่อติดมาตามผลาญ
ลำบากตนสุดทนที่ทรมานทั้งอาหารอดอยากลำบากกาย
เมื่อยามนอนนอนเหนือใบไม้ลาดเมื่อยามกินเคลื่อนคลาดเวลาหมาย
จะกินน้ำก็แต่ตมขมระคายล้วนกลิ่นอายสาบสางทั้งช้างคน
อันความเข็ญไหนจะเห็นในอกพี่ด้วยลับลี้อยู่ในป่าพนาสณฑ์
จึงจดหมายมาให้แจ้งแห่งยุบลซึ่งเหตุผลทุกข์ยากลำบากใจ
ถึงกระนั้นก็ไม่วายคะนึงน้องที่ห่างห้องห่วงคิดพิสมัย
อันศึกนอกก็ไม่นึกเท่าศึกในพี่เตรียมใจตรมจิตทุกราตรี
ครั้นอรุณเรื่อรุ่งจำรัสฟ้ากระจ่างหล้าเหล่าไม้ในไพรศรี
ช้างประทับรับเสด็จจรลีตามวิถีแถวในไพรพนม
พี่เก็บพรรณพฤกษาผลาหารอันเปรี้ยวหวานลางชาติก็ฝาดขม
ทั้งหว้าหวายพลับพลองของนิยมและม่วงปรางซางซมตะคร้อครอง
หมากพอกผลซามสุกอยู่ดื่นดาษอันรสชาติหวานดีไม่มีสอง
ลูกขวิดขวาดดาษดกลงตกกองทั้งแห้วหาดตาดต้องมะเฟืองไฟ
พวาหวานยามยากอร่อยรสเมื่อคราวอดโอชาจะหาไหน
เที่ยวเลือกเก็บสิ่งของที่ต้องใจอันมีในหิมวันต์อรัญญา
ถึงบ้านโพธิ์ภูมิฐานเป็นลานเลี่ยนอยู่กลางเตียนบ้านติดกันแน่นหนา
พวกนิกรจรลงในคงคาสำราญร่มรุกขาอยู่ริมชล
พระที่นั่งเลยทางไปกลางชัฎถึงบ้านลาดมีวัดอยู่กลางหน
พอรอนรอนอ่อนแสงพระสุริยนก็ตรวจพลหยุดพักพวกโยธี
ริมชายเชิงภูเก้าโดยกำหนดซึ่งบรรพตอยู่กระหนาบแนววิถี
ทั้งเก้ายอดเยี่ยมเมฆเมฆีสถานที่โล่งเลี่ยนเตียนสบาย
ล้วนบ้านลาวเรียงรันเป็นหลั่นสลับอเนกนับจะกำหนดนั้นเหลือหลาย
เห็นกองทัพวุ่นวิ่งทั้งหญิงชายแตกกระจายขึ้นบนยอดคิรี
บ้างก็แอบเล็ดลอดมาสอดมองพอได้ช่องปืนยิงแล้ววิ่งหนี
พวกไทยหลบลุกได้เข้าไล่ตีไอ้ลาวหนีซ่อนตัวด้วยกลัวตาย
ต่างคนไม่ประมาททั้งกองทัพนายและไพร่มิได้หลับสิ้นทั้งหลาย
อันอาวุธม้าช้างไม่ห่างกายเขม้นหมายคอยศึกจะโจมตี
ครั้นส่างแสงหิรัญสุวรรณเรื่อคณาเนื้อนกก้องในไพรศรี
พอพ้นยามสนธยาและราตรีค่อยยินดีบางเบาบรรเทาใจ
ตั้งกระบวนจัตุรงค์แล้วทรงช้างขยายย่างจากท่าที่อาศัย
ละเลาะเลียบแนวเขาลำเนาไพรเห็นแสงไฟเรืองรอบมรรคา
ไอ้ลาวแอบเอาไฟเข้าใส่ยุ้งแล้วรบพุ่งโหมหักกันหนักหนา
ขุนณรงค์ลงจับได้ตัวมาพิฆาตฆ่าล้มตายลงหลายคน
ที่บ้านพร้าวต่อแดนบ้านแสนตอไม่เหลือหลอเสียเข้าไม่ทันขน
พวกกองทัพทุกข์ทั่วทุกตัวคนเห็นขัดสนด้วยเสบียงนั้นบางเบา
ก็รีบจรมิได้หย่อนลงหยุดพักเข้าโหมหักชิงเข้าที่ลาวเผา
ไปติดตามรบรุกทุกลำเนาก็ชิงเอาเสบียงได้ครามครัน
สดับข่าวลาวมาตั้งสู้ที่หนองบัวลำภูเป็นค่ายขัน
ทำทิมั่นกั้นทางไปเวียงจันท์ทั้งแปดพันคอยท่าจะราวี
ระยะทางนั้นห่างสักร้อยเศษพอร้อนแรงสุริเยศจำรัสศรี
ถึงบ้านพร้าวเหล่าสถานสะอ้านดีก็พักพวกโยธีเข้าพร้อมกัน
ชุมนุมทัพจับจัดเป็นกองหน้าทั้งปีกซ้ายปีกขวาและกองขัน
พวกสามหอกเจ็ดหอกก็ออกพลันพวกรามัญเดินหน้าพม่าตาม
ครั้นได้ฤกษ์เลิกทศโยธีเสียงดนตรีกึกก้องท้องสนาม
เพชรฤกษ์รณรงค์ในสงครามมห้ข่มนามแล้วเสด็จออกยาตรา
จรจากถิ่นที่ประทับร้อนบทจรตามทางระวางผา
เขม้นเมิลเดินโดยมรคาต่างกำยำกายาทุกตัวคน
บ้างทรงเครื่องโพกผ้าตะแบงมานบ้างกินยาทาว่านอยู่สับสน
บ้างปลุกฤทธิสิทธิเดชพระเวทมนตร์สำเริงรณอิทธิฤทธิเรืองแรง
พวกรามัญปลุกเสือสักที่ขาพวกพม่าปลุกแมวสักที่แข้ง
เอามือปบตบตีให้มีแรงทำตาแดงดิบโดดโลดทะลวง
แขกตานีเสกน้ำซะระบัดแล้วเป่าปัดเวทมนตร์ข้างตวนหลวง
เช็ดหน้าโพกนุ่งผ้าตาเป็นดวงถือหอกควงเดินเคียงกันดูดี
ก็ลุถึงทางท่าชลาสินธุ์ที่แถวถิ่นลำพะเนียงพนาศรี
พร้อมนิกรโยธาฝั่งวารีตั้งกระบวนนาคีลงข้ามชล
ให้ข้ามกลางหางเศียรอยู่ภายหลังคอยระวังต้นทางที่กลางหน
ครั้นถึงพร้อมขึ้นบกแล้วยกพลล่วงตำบลหนองบัวเข้าโดยจง
เห็นบ้านจิกเรียงรายอยู่ชายหนองเขม้นมองดูก็น่าพิศวง
ถ้ากองลาวมาซุ่มที่พุ่มพงเข้าแวดวงตัดทัพก็เสียที
ให้กองหน้าดากันไปเที่ยวค้นไม่พบคนครอบครัวก็กลัวหนี
ทิ้งสถานบ้านถิ่นไม่ยินดีเที่ยวหลบลี้ซุกซ่อนใปดอนดง
แล้วยกเลยล่วงพ้นตำบลบ้านระยะย่านชายไม้ไพรระหง
ค่อยเลี้ยวเลียบแนวหนองบุษบงในจิตจงมาดมุ่งกับไพรี
ถึงพลับพลาอาศัยอนุพักที่สำนักนอนทางกลางวิถี
ก็ยลเขตค่ายลาวนั้นยาวรีชัยภูมิวาสุกรีอันเรี่ยวแรง
ทั้งกว้างยาวราวสามสิบเส้นเศษมีคูเขตรั้วขวากล้วนเข้มแข็ง
ตั้งประชิดติดกันคั่นกำแพงเสาไม้แดงร้อยเอ็นดูอาจอง
สนามเพลาะช่องปืนตลอดป้อมมีลับล้อมหอรบสูงระหง
ดูท่วงทีอาจหาญชาญณรงค์ในแว่นวงขอบเขตที่คามา
แต่ครอบครัวต้อนออกไว้นอกค่ายเที่ยวปีนป่ายขึ้นไปเดินบนเนินผา
พวกกองทัพลอบลัดไปทัศนาจนลิบตาแลลับบนคิรี
แต่กำลังตั้งรออยู่คอยรับขึ้นหอรบรายตับไว้ตามที่
เขม้นมองคอยท่าจะยายีทำลอบลี้ซ่อนเร้นไม่เห็นพล
พวกไทยถึงพร้อมเข้าล้อมค่ายไปตามชายทิวป่าพนาสณฑ์
เหล่านายร้อยเร่งรัดกำจัดพลให้รุกร้นต้อนตามกันเติมมา
เร่งเกณฑ์กันล้อมค่ายได้สองด้านก็สุดสิ้นทหารที่อาสา
ด้วยค่ายลาวยาวใหญ่มหึมาเหลือกำลังโยธาจะอ้อมวง
จึงรอรั้งโปรดสั่งทหารกล้าออกขี่ม้าสื่อสาส์นตามประสงค์
ให้แม่ทัพมาประณตบทบงสุ์จอมณรงค์สองเสด็จดำเนินมา
พระยานรินทร์กลับกลอกแล้วบอกเบือนทำพูดเชือนว่ายังชวนกันปรึกษา
แล้วเสแสร้งแกล้งแต่งเป็นสาราทิ้งออกมาว่าจะขอเป็นไมตรี
พวกทัพไทยหลงคิดจิตประวิงด้วยลาวยิงสัญญาเข้าหน้าที่
บ้างโห่ร้องก้องป่าพนาลีได้ท่วงทีสาดปืนเป็นโกลา
จนควันกลุ้มพุ่มพงดงสิงขรบนอัมพรมัวมืดพระเวหา
ที่ค่ายลาวเลื่อนลับไปกับตาด้วยธุมามืดคลุ้มอรุ่มมัว
พวกกองไทยถอยหลังมาตั้งมั่นก็เกณฑ์กันเร่งล้อมเข้าพร้อมทั่ว
บ้างขุดดินขึ้นตั้งลงบังตัวไม่ย่นย่อท้อกลัวแก่ไพรี
ทุกหมวดกองเกณฑ์กันเข้าทุกด้านเหล่าทหารแผลงฤทธิไม่คิดหนี
ทั้งปืนใหญ่น้อยยิงเป็นสิงคลีถ้อยทีรบรอเข้าต่อยุทธ์
ลาวไล่ไทยหนีเป็นทีท่าลาวล่าไทยไล่อุตลุด
พุ่งซัดศัสตราแลอาวุธสัประยุทธ์ไม่ย่อท้อกัน
เสียงไพร่พลดนตรีออกมี่ก้องปี่พาทย์ฆ้องกราวเชิดดูเฉิดฉัน
กลองแขกตีเปลี่ยนแปลงเมื่อแทงกันบันลือลั่นกึกก้องทั้งหิมวา
ดูแสงปืนไทยลาวนั้นวาบวับดังหิ่งห้อยย้อยจับบนพฤกษา
ก้องสำเนียงเสียงโห่เป็นโกลาดุจฟ้าฟาดสายทำลายลง
มืดคลุ้มกลุ้มควันทั้งวันเวศในขอบเขตหิมวาป่าระหง
โพยมพยับอับแสงพระสุริยงจนลดลงลับเหลี่ยมยุคุนธร
พระยาเกียรติ์รามัญประมาทศึกเข้าโหมฮึกแทงค่ายทลายถอน
ก็ต้องปืนนกสับลงพับนอนพระยามอญอาสัญในทันตา
ปลัดกองถาโถมเข้าโจมอุ้มอ้ายลาวซุ่มยิงซ้ำเข้าอังสา
ทั้งสองนายวายชีพชีวาอ้ายลาวร่าเริงร้องลำพองใจ
พลรบต่างต้องศัสตราวุธบริสุทธิสามารถไม่หวาดไหว
เข้ายิงแทงลาวตายกระจายไปโลหิตไหลแดงดาษปัฐพี
เมื่อเริ่มรบกันแต่บ่ายจนรุ่งเช้าพวกกองลาวเหลือฤทธิ์ก็คิดหนี
กระโดดค่ายป่ายปีนขึ้นคิรีพม่ามอญต้อนหนีกระหนาบไป
บ้างถูกปืนถูกหอกระยำยับไทยเข้าโถมโจมจับเอาตัวได้
ใส่ตะโหงกผูกมัดมาบัดใจเข้าส่งให้ตำรวจใส่ตะราง
แต่ตัวนายโยธาพระยานรินทร์ครั้นพลไพร่ไปสิ้นก็ขัดขวาง
ขึ้นขี่ขับนางม้าเป็นท่าทางออกวิ่งวางจะไปขึ้นบนคิรี
กองพระยากลาโหมเข้าโจมจับพวกกองทัพติดพันไม่ทันหนี
ก็ตกม้าลงไปขัดอยู่ปัฐพีพวกโยธีกลุ้มกลัดเข้ามัดมา
ถึงถวายบังคมพระบรมบาทจอมณรงค์ปรงประภาษที่ปรึกษา
ให้ซักถามตามยุบลแต่ต้นมาได้กิจจาแจ้งจริงทุกสิ่งอัน
ว่าอนุให้สุริยะหลานมาตั้งด่านเข้าสารเป็นที่มั่น
พลรบสองหมื่นหกพันทำเขื่อนค่ายยับยันกับคิรี
ตั้งบิลันกันทางไว้หว่างเขาให้ขนเอาศิลาขึ้นหน้าที่
คอยจะทุ่มทิ้งทับให้ยับยีกันวิถีไว้ที่กลางหนทางจร
ตูข้อยน้อยเห็นว่าเหลือกำลังนักจะหันหักขึ้นข้ามบนสิงขร
จะสิ้นเสียโยธาพลากรจงผันผ่อนทรงคิดให้จงดี
อันเวียงจันท์ล้วนแต่คันภูเขาล้อมจำเพาะจรขึ้นจอมคิรีศรี
อันทางราบที่จะไปนั้นไม่มีช่องวิถีแสนสุดกันดารเดิน
ที่ทางไปหนองหานด่านสนมนั้นเชียงสามาระดมบนเขาเขิน
ทำค่ายขั้นกั้นทางไว้กลางเนินพลประมาณหมื่นเกินสักสามพัน
ไม่ใกล้ไกลไปจากช่องเข้าสารระยะย่ายสามคืนที่เดินขยัน
ข้างช่องซ้ายมรคาอีกห้าวันชื่อด่านนั้นคำกีลงเป็นทางจร
ราชวงศ์ยกลงไปรักษาคัดศิลาทับทางวางสลอน
ทหารหมื่นหกพันกันนครประจำนอนอยู่บนเนินคิรีวัน
แต่นั้นไปนับได้สิบเอ็ดหลับถึงด่านซ้ายเขาคับเป็นด่านขัน
พวกเชียงใต้รักษาอยู่ห้าพันหนทางนั้นดงชัฏที่ลัดลง
จะเดินอ้อมเขาไปนั้นไกลนักไม่รู้จักเดินเคยก็เลยหลง
ช่องเข้าสารด่านนี้เป็นที่ตรงแต่มั่นคงด้วยพยุหโยธี
แล้วเจ้าเวียงแจงจัดดำรัสไว้ว่าทัพไทยตีด่านเราซานหนี
จะโจนของล่องลงในนัทีให้สุดสิ้นชีวีในคงคา
แม้นพระองค์ทรงตีเอาด่านได้แล้วเสด็จไปชมเวียงให้สุขา
ไม่ลำบากยากใจแก่โยธาตามแต่จะปรารถนาทุกสิ่งอัน
แต่กองทัพพระเสด็จดำเนินมาพวกโยธาเรืองแรงล้วนแข็งขัน
ทั้งหน้าหนุนพร้อมเสร็จสักเจ็ดพันข้อยหวาดหวั่นเห็นน้อยจะเหลือแรง
อันเวียงจันท์ไพร่พลเอนกนับทั้งกองแก้วเข้ากำกับก็เข้มแข็ง
ทั้งลาวญวนพุงดำซ้ำเป็นแรงแล้วจัดแจงสามารถด้วยศาสตรา
อันทางขึ้นด่านเขาก็แคบคับเห็นสุดฤทธิจะรับด้วยตรอกผา
เขาตั้งตับคอยยิงกลิ้งศิลาทั้งน้ำท่าที่นั้นก็กันดาร
ขอยกไว้ในเสด็จในศึกอื่นสักสิบหมื่นก็ไม่ตีเขาแตกฉาน
นี่แล้วแต่พระบรมสมภารก็สิ้นคำให้การลงทันใด
ทรงดำรัสตรัสถามตามสุนทรศรีรัตรกรบังคมไหว้
ลิขิตคำให้การแล้วอ่านไปไม่สงสัยทราบสิ้นทุกสิ่งอัน
แล้วทรงคิดที่จะยกเข้าตีด่านจะสิ้นเสียพลทหารเป็นแม่นมั่น
จะตั้งรอไว้พองามสักสามพันที่หนึ่งนั้นมีน้ำในลำธาร
เป็นบ้านร้างทางลงมาจากเขานามลำเนาส้มป่อยเป็นถิ่นฐาน
ทรงดำริแล้วดำรัสให้จัดการแต่งทหารทัพไทยพะม่ามอญ
ทั้งสามนายรีบยกไปตั้งมั่นชักปีกกาถึงกันอย่าย่อหย่อน
พวกไทยมอญพะม่าสถาวรประณมกรกราบถวายบังคมลา
พอได้ฤกษ์รีบยกตามรับสั่งคอยระวังทัพลาวบนเนินผา
ถึงตั้งค่ายรายลงริมคงคาชักปีกกาปิดน้ำในลำธาร
กองตระเวณเหณฑ์ลาวได้ข่าวทัพออกรบรับกั้นที่ริมห้วยละหาน
ครั้นแตกหนีขึ้นไปแจ้งแสดงการกับนายด่านแม่ทัพบนคิรี
อ้ายสุริยาอ้ายสุโพอ้าบหงวนคำเห็นได้ทีหมายทำให้ป่นปี้
คิดจะยกโยธาไปฆ่าตีจะฟันแทงดลที่ไม่ทั่วกัน
            

ນິຣາດວຽງຈັນ ຕອນ 2

ตรัสสั่งทัพอุทัยให้ไปหน้าพอโยธาลับล่วงเข้าไพรศรีครั้นพร้อมเสร็จแล้วเสด็จจรลียกพยุหโยธีออกเดินทางข้ามแถวแนวเนินอรัญเวศถึงคันเขตสิทธิรงค์ห้วยขวางอันแนวน้ำนั้นเป็นลำพญากลางล้วนยูงยางชิดชัฏระบัดใบจำเพาะทางขึ้นหว่างยอดบรรพตค่อยเลี้ยวลดพุ่มพงดงไสวเสียงชะนีเรื่อยร้องอยู่ก้องไพรกันแสงไห้โหยหาถึงสามีฝ่ายเรียมก็แต่เกรียมกรมเทวษแสนทุเรษแรมไพรพนาศรีโอ้ว่าสัตว์ในพนัสพนาลียังรู้มีมิตรจิตเจตนาเหมือนอกเรียมแรมร้างนิราศรักก็ตั้งพักตร์คอยเพื่อนเสนหาไม่ว่างเว้นวันถวิลจินตนาดุจตราตีประทับไว้กับทรวงคะนึงพลางทางทัศนานกหมู่วิหคร่อนร้องบนเขาหลวงประหลาดหลากปีกหางเป็นด่างดวงบ้างหม่นม่วงมากมายอยู่หลายพรรณเที่ยวพาเพื่อนจับไม้แล้วไซ้ขนบ้างเวียนวนเคล้าคู่แล้วคูขันนิจจาสัตว์ก็รู้จักว่ารักกันยิ่งกระสันเสียวคิดที่จิตตรมกระทั่งถึงธารท่าชลาสินธุ์ประเทศถิ่นแห่งนางลงสระผมมีแท่นขวางที่นางนิทรารมณ์เมื่อพิศชมร่างรอยปรากฏมีนี่นางใดใครหนอมาสระเกศหรือแรมร้างนัคเรศบุรีศรีมาไสยาสน์เอองค์ในพงพีหรือจำจากสามีอยู่เมืองใดจึงเดินดงพงกว้างทางทุเรศจะสังเกตธานีบุรีไหนคะนึงนึกหน่ายแหนงยิ่งแคลงใจให้หลงใหลรอยร่างที่นางนอนแล้วเที่ยวทอดทัศนาที่ท่าแท่นก็มุ่งแม่นหมายพบสบสมรไม่เห็นแก้วแววตาพะงางอนดำเนินจรไปหนตำบลใดไม่ยลองค์หลงชมแต่บรรจถรณ์ทั้งรอยนอนรอยลงชลาไหลปรากฏชื่อโฉมนางไว้กลางไพรให้ปลื้มใจคนจรมาดอนดงพอสุดสิ้นมรรคาสาคเรศถึงเขาเขตหิมวาป่าระหงเป็นเขื่อนคันกั้นขวางอยู่กลางดงวิถีตรงขึ้นบนยอดบรรพตาพระสุริยงลงลับพยับศรีจึงพักพวกโยธีอยู่เพิงผาพวกนายกองเกณฑ์กันเป็นโกลาให้ล้อมวงซ้ายขวาและกองแลออกเดินตรวจเสียงเกราะเสนาะก้องบ้างตีฆ้องนั่งยามตามกระแสพลเบียดเยียดยัดกันอัดแอเสียงเซ็งแซ่ก้องป่าพนาดรฝ่ายพี่ขึ้นสถิตกระท่อมเถื่อนสันโดษเดียวเปลี่ยวเพื่อนสโมสรอนาถหนาวคราวดึกไม่นึกนอนทุเรศร้อนตรึกตรมอารมณ์รวนพระพายพัดพานพาสุมาเลศในท้องแถวหิมเวศตระหลบหวนสัมผัสพานาสายิ่งพาครวญเหมือนกลิ่นนวลเคยแนบอุราเรียงได้ชุ่มชื่นก็แต่พื้นบุปผชาตินุชนาฏมิได้ยลได้ยินเสียงเคยสนิทแนบน้องประคองเคียงไอ้ลาวเวียงก่อกรรมให้จำมากระเวนไพรขันทักระวังเถื่อนจนดาวเดือนคลาดคล้อยพระเวหาสกุณแก้วแว่วขันกระชั้นมาแสงนภาผ่องแผ้วในอัมพรน้ำค้างย้อยพร้อยพรมบุปผชาติดูหยัดหยาดเป็นละอองดังฟองฝนหมู่แมลงภู่ผึ้งออกอึงอลเที่ยวเวียนวนร่อนหาสุมาลีดุเหว่าร้องเร่งรถพระสุริเยศให้ประเวศเยี่ยมยอดคิรีศรีฝ่ายฝูงลิงค่างบ่างชะนีบ้างซิกซี้เย้าหยอกกันชมเชยพลช้างพลางผูกคเชนทร์มั่นด้วยสำคัญขึ้นเขาพังเหยครั้นกูบอานเสร็จสรรพประทับเกยกำหนดเคยรับเสด็จลีลาก็ล่วงขึ่นเขาเขินเนินสิงขรบทจรแสนยากสหัสสาเป็นตรอกน้อยจุรอยไอยราค่อยเลาะเลียบไหล่ผาไปตามเนินกุญชรเหนี่ยวพฤกษาเข้าคว้ามั่นด้วยตัวสั่นกลัวตกระหกระเหินที่ผาชันก็ต้องเทาเอาเข่าเดินบนเขาเขินคอยแลจนลิบตาครั้นถึงยอดคิรีเป็นที่รื่นในแผ่นพื้นเรียบราบเป็นหนักหนาล้วนเต็งรังเรียงร่มมรรคานานารุกขชาติประหลาดพรรณประชุมช่อต่อก้านกิ่งระยับบางกลีบกลับสู้แสงพระสุริย์ฉันที่ต่างสีซ้อนซับสลับกันพี่ยลพลางทางหวั่นประวิงใจโอ้เจ้าเยาวพาแม้นมาด้วยจะรื่นรวยพิศวงหลงใหลจะเลือกเก็บบุปผาสุมาลัยมาร้อยกรองสวมใส่ทั้งสองกรสาวหยุดย้อยห้วยพวงระย้าพุ่มล้วนกลิ่นกลุ้มเสาวคนธเกสรจะร้อยเรียงเคียงวางไว้ข้างนอนให้ขจรกลั่วกลิ่นทั้งอินทรีย์พิกุลแก้วกรรณิการ์มหาหงส์ไม้แดงดงดูดาษประหลาดสีจะทำบุหงาผ้าที่อย่างดีเอาห่อดอกมาลีเข้าทัดกรรณทั้งพะยอมหอมหวนลำดวนดาษพุทธชาติสุกรมนมสวรรค์มลุลีกระดังงาสารพันจะจัดสรรค์ให้เจ้าอบสไบทรงนี่สุดจนคนเดียวสันโดษดิ้นแสนถวิลอยู่ที่ในไพรระหงคะนึงน้องเช้าเย็นเหมือนเห็นองค์ละเลิงหลงปรากฏในดวงใจรัญจวนพลางทางเร่งคชาช้างให้เหย่าย่างข้ามธารละหานไหลละเลาะเลียบมรคาพนาลัยก็ตรงไปท่าสะอาดสำนักชลเป็นน้ำเปี่ยมห้วงหินระรินไหลกระเซ็นใสเย็นฉ่ำดังน้ำฝนมัจฉาเล็มไคลหินเที่ยวกินวนเมื่อพี่ยลก็เหมือนอย่างในอ่างปลาประทับแรมแล้วก็เลื่อนจัตุรงค์เข้าดอนดงข้ามธารละหานผาครั้นเย็นรอนอ่อนแสงพระสุริยาที่มรรคามืดคลุ้มชอุ่มไพรหมายประทับหน่ยงแหย่งตำแหน่งน้ำดำเนินนำมรรคาถึงอาศัยก็พักพลหยุดยั้งระวังไพรจะจวบใกล้นครราชสิมาครั้นรุ่งรางสางแสงพระสุริยนแล้วจรดลตามเนินเชิงเผินผาพอรอนรอนอ่อนแสงพระสุริยาถึงแถวท่าบึงมะเลิงเห็นเรือนเรียงพวกครอบครัวกลัวลาวไปแอบซุ่มออกเกลื่อนกลุ้มอื้ออึงคะนึงเสียงให้เกณฑ์กันสืบข่าวอ้ายลาวเวียงคอยม่ายเมียงทางท่าจะราวีเห็นลาวน้อยไทยออกระดมฆ่าครั้นมากมาต้อนครัวเข้าไพรศรีพลลาวแตกตายลงหลายทีจนซากผีเกลื่อนกลุ้มที่ทางจรเสด็จถึงให้ประทับที่ชายป่าพวกนายครัวออกมาหมอบสลอนต่างสำราญวิญญาสถาวรประณมกรคิดการราญณรงค์ข่าวตระหนักถึงอนุก็ยกหนีให้จุดเผาบุรีเป็นผุยผงแล้วขับพลช้างมาไปทางตรงไม่แวะวงรีบรัดเร่งตัดไพรทรงทราบเสร็จแล้วเสด็จดำเนินจรพวกครัวตามข้ามดอนดูไสวทั้งเกวียนต่างช้างมาก็คลาไคลที่หาบคอนต้อนไล่กันจรลีถึงถิ่นฐานบ้านใครเคยสำนักก็พร้อมพักตร์ปรีดิ์เปรมเกษมศรีขึ้นสิงสู่เคหาไม่ราคีอันเป็นที่เก่าเกิดกำเนิดตนเสด็จจวบจวนเย็นก็หยุดพักที่สำนักนาเกลืออยู่กลางหนเป็นเวิ้งทุ่งขาดย่านที่บ้านคนหมู่พหลเลื่อยล้ามาไม่ทันให้หยุดยั้งรั้งแรมซึ่งโยธีประทับที่ชายป่าพนาสัณฑ์จนรุ่งรางส่างศรีรวีวรรณก็ยกพวกพลขันธ์ออกลินลาไปตามแถวแนวย่านบ้านประเทศนิคมเขตแว่นแคว้นดูแน่นหนาล่วงตำบลพ้นย่านบ้านพุทราถึงคงคาห้วยขวางอยู่กลางดอนเป็นน้ำแซะทรายใสค่อยไหลรินลงอาบกินเป็นสุขสโมสรจึงพักพวกโยธาพลากรประทับร้อยอยู่ที่ร่มสำราญใจในอาวาสวงวัดที่ห่างบ้านเป็นสถานถิ่นท่าเข้าอาศัยครั้นบ่ายแสงสุริยาก็คลาไคลเข้ากรุงไกรนครราชสิมาเมืองดูขอบคันมั่นคงเป็นเขื่อนเขตทุกประเทศกล่าวชื่อก็ลือเลื่องทั้งว่านยาอาคมก็รุ่งเรืองไม่ควรเคืองข้าศึกมายายีกำแพงรอบขอบเมืองเสมาตั้งดูขึงขังเป็นสง่าราศีหอรบรอบขอบเนินเชิงเทินมีบนหน้าที่ป้อมปืนขึ้นยืนยันเรือนบ้านแต่ล้วนตึกระดาดาษทั้งบริเวณอาวาสก็เฉิดฉันแลจำหลักลวดลายพรายสุวรรณที่หน้าบันครุฑบิดสุกรีบินเสียดายเมืองเสียศึกก็มัวหมองจนเข้าของย่อยยับทั้งทรัพย์สินไอ้ลาวแย่งยื้อขนลงปนดินแล้วฟันยับสับสิ้นทุกสิ่งอันแต่อาวาสของนรินทร์ปิ่นนเรศวร์อันประเวศสู่สถานพิมานสวรรค์ยังปรากฏงดงามอยู่ครามครันแต่ครั้งเสร็จทรงธรรม์อยู่ธานีทรงสร้างไว้เป็นทางพระนฤพานจึงบันดาลข้าศึกให้นึกหนีไม่สามารถอาจกล้ามายายีจึงเลี่ยงลี้ย่อยย่นไม่ทนทานพี่ครรไลไปเที่ยวที่อาวาสแล้วยุรยาตรเข้าไปในวิหารศิโรดมก้มเกศลงกราบกรานอธิษฐานขอเบื้องพระบารมีมาคุ้มครองข้าน้อยผู้รองบาทพระอำนาจเหนือเกศเกศีจะรบศึกครั้งใดให้ได้ทีอรินภัยยับยี่ด้วยศักดาแล้วอภิวันท์ครรไลไปสำนักพลับพลาพักตั้งอยู่ทะเลหญ้าสะพรั่งพร้อมจัตุรงคโยธาทรงปรึกษาที่จะตามไปตีเวียงถึงวันฤกษ์แล้วก็เลิกจัตุรงค์ดำเนินธงฆ้องลั่นสนั่นเสียงพลเหิมโห่ร้องก้องสำเนียงทหารแห่เดินเคียงเป็นคู่กันเสด็จจากเกยมาศราชศักดิ์ทรงจำลองคชลักษณ์อันเฉิดฉันข้างฝ่ายพี่ขึ้นขี่คเชนทร์พลันก็จรจรัลตามเสด็จไปกลางพลออกจากนครราชสิมาแล้วยาตราเข้าป่าพนาสณฑ์ไปตามแถวแนวย่านบ้านตำบลนิคมพ้นขอบเขตในธานีจนสุดบ้านด่านลำจากก็จวนค่ำสำนักน้ำอยู่ที่แนวพนาศรีพระสุริยงลงลับเหลี่ยมคิรีอุราพี่วังเวงวิเวกใจจะแลซ้ายเห็นชายละหานผาครั้นแลขวาก็แต่พุ่มพงไสวจึงรั้งทัพแรมทางอยู่กลางไพรให้กองไฟแสงสว่างกระจ่างดงพี่หวนจิตคิดมาน่าอนาถมาไสยาสน์อยู่ที่ในไพรระหงล้วนอาวุธรอบข้างกลางณรงค์รักษาองค์ไม่เป็นอันจะนิทราแต่ปล้ำปลุกอาดูรพูนเทวษชลเนตรนองแน่นในนาสาจะล่วงหลุดด่านแล้วนะแก้วตาจวนสิ้นเขตนัคราธานีนับวันแต่จะดั้นเข้าเดินป่าจะลิบลับอยุธยากรุงศรีโอ้พี่แสนโศกศัลย์พันทวีจนราตรีรุ่งสางสว่างดงช้างประทับรับเสด็จที่เกยมาศยุรยาตรเข้าในไพรระหงจำเพาะพักตร์บุรพาทิศาตรงที่นั่งทรงเดินทางไปกลางพลก็มุ่งไม้หมายเขาลำเนาน้ำจะใกล้ค่ำก็พยับโพยมหนเป็นเมฆหมอกออกมืดในอัมพลวิบัติฝนสาดซัดกระจัดกระจายลงถูกต้องกองทัพที่เดินหนลำบากตนมิได้ส่างสว่างหายเข้าตากพองไถ้แหกแตกกระจายไม่คิดอายแก้ผ้าทำหน้าจนแลตามมรรคาหน้าสังเวชเหมือนหนึ่งเปรตจะมารับส่วนกุศลแสนลำยากยากใจแก่ไพร่พลจนมัวมนท์มืดแสงพระสุริยาประทับที่โคกหลวงกำลังฝนระทมทนเหน็บหนาวเป็นหนักหนาออกเยือกเย็นเซ็นซ่าทั้งกายามีแต่กูบไอยราพอร่มกายในดอนดงมัวมืดไม่เห็นหนพายุฝนก็ไม่ส่างสว่างหายพวกกองทัพซานซมอยู่งมงายที่บ่าวนายกู่กันออกก้องไพร่อันแสนยากบอกใครจะเหมือนเข็ญถ้าแม้นเห็นก็จะสิ้นที่สงสัยหัวอกเรียมเกรียมกรมระทมใจจะว่าไปก็จะเนิ่นทิวานานครั้นหิรัญรุ่งรางสว่างหล้าก็พร้อมพวกโยธาล้วนทวยหาญเสด็จทรงไอยราคชาธารให้ขุนด่านนำเสด็จจรลีขึ้นดงลงโคกแล้วข้ามห้วยโกกกรวยเนินแถวแนววิถีพิศพรรณพฤกษาประดามีเป็นหลายอย่างต่างสีน่าพึงชมถึงฟากชลธาร์ชลาศรีตำแหน่งนามแม่ประชีโดยปฐมที่โล่งเลี่ยนถิ่นฐานสะอ้านลมก็ประทับแรมประทมที่ฝั่งชลพี่เที่ยวชมถิ่นลาวที่ริมฝั่งล้วนบ้านตั้งตามละเมาะในไพรสณฑ์แต่เรือนร้างเยือกเย็นไม่เห็นคนเที่ยวเดินด้นเข้าป่าพนาดรดูดูก็เป็นน่าสังเวชจิตแล้วเสียวคิดเหมือนพี่ร้างแรมสมรให้เปล่าเปลี่ยววิญญายิ่งอาวรณ์ก็จากจรขับคชสารมากำหนดหยุดสามเวรทั้งวันพักครั้นพร้อมพรักจัตุรงคแน่นหนาตั้งกระบวนพยุหบาตรออกยาตราลงข้ามฝั่งคงคาแล้วรีบจรเดินโดยมรรคาพนาเวศกำหนดเขตทางเขาในสิงขรพระสุริยาสายัณห์ลงรอนรอนทิชากรรีบเร่งเข้ารวงรังมฤคปีบเปิ่บร้องคะนองเถื่อนพยัคฆ์เลื่อนเลี้ยวลัดสกัดหลังสุกรเห็นเผ่นตรงเข้าดงรังพยัคฆ์ยังยุบยอบลงหมอบมองกระทิงเถื่อนเดินเที่ยวเล็มระบัดไม่พรากพลัดสมสู่เป็นคู่สองภาษาสัตว์ดูงามตามทำนองค่อยหยัดย่องเรียงรายอยู่ชายไพรที่เหล่าพรานคลานแอบเอาปืนแนะพอนกเฉะดังลั่นสนั่นไหวกระสุนโดดโลดกัดเข้าตัดใจก็บรรลัยเลยล้มระเนนนอนอนาถจิตพิศดูที่คู่ชื่นครั้นเสียงปืนกัมปนาทขยาดหยอนก็ทิ้งเพื่อนเอกาไม่อาวรณ์กระเจิงจรไปแต่ตัวด้วยกลัวภัยครั้นสุดดงลงทุ่งก็ถึงบ้านราตรีกาลจวบจวนปจุสมัยชื่อหนองจอกกว้างขวางอยู่กลางไพรรับสั่งให้หยุดพักสำนักพลลงแรมร้อนผ่อนแรงไอยเรศที่คันเขตหิมวาพนาสณฑ์ครั้นรุ่งรางส่างแสงพระสุริยนก็จรดลเลื่อนทัพออกเดินทางกองตระเวนเกณฑ์ซุ่มไปสืบข่าวก็พบลาวเล็ดลอดมาเขาขวางสิบห้าคนด้นมาในป่าซางมานั่งทางคอยทัพที่ยกจรทั้งไทยลาวลอบแลกันแต่ห่างที่ริมทางคนละฟากสิงขรได้ทียิงวิ่งรุกเข้ารบรอนตะลุมบอนกันในทางหว่างคิรีนายลาวถูกปืนถลาโลดไทยโดดจับจิกเอาเกศีเอาดาบฟาดขาดกลางอินทรีย์บ่าวหนีแตกพลัดกระจัดจายพอทัพหลวงเลยข้ามชลาสินธุ์ถึงแถวถิ่นสามหมอกำหนดหมายแต่บุราณเล่าต่อก่อนิยายกุมภีล์ร้ายสาหัสในนัทีพวกหมอเล่นสามคนก็ม้วยมุดเข้าฉวยฉุดคาบลงชลาศรีแล้วพาเข้าคูหาในวารีอันเป็นที่อาศัยอยู่ในชลอันนามนั้นจึงได้เรียกว่าสามหมอเขารู้ต่อมาแสดงแจ้งนุสนธิอนุตั้งสำนักไว้พักพลเมื่อจรดลมาเฝ้าอยู่อัตราในเวิ้งเขาเป็นห้วยละหานหินกระแสสินธุ์ไหลรบกระทบผาเป็นน้ำพุดุด้นชนศิลาออกฉานฉ่าซึมซาบลงอาบเย็นเมื่อยามร้อนก็ค่อยผ่อนบรรเทาทุกข์วิเศษสุขกายาประสาเข็ญด้วยคงคาไหลโลดโดดกระเด็นพี่แลเห็นคิดถึงคะนึงนวลแม้นได้น้องมาประคองเป็นคู่คิดจะเชยชิดชื่นชมภิรมย์หวนนี่เรียมเดียวว้าเหว่อยู่เรรวนแต่เปี่ยมป่วนปิ้มจิตจะจากกายแล้วเที่ยวชมภูผาชลาสินธุ์ไม่สุดสิ้นโศกเบาบรรเทาหายทำยินดีปรีดาประสาชายแต่ดวงจิตหมองหมายอยู่มัวมนท์ถึงกำหนดทัพหน้าก็คลาเคลื่อนละเลาะเลื่อนลับไม่ในไพรสณฑ์ทั้งช้างม้าเกลื่อนกลุ้มชุมนุมพลทัพหลวงจรดลออกเดินจรกำจัดจากที่พักสำนักเขาพี่ยิ่งเศร้าโศกถึงคะนึงสมรแต่โหยหวนชวนคิดจิตอาวรณ์อยู่เหนือหลังกุญชรที่เดินทางเข้าบุกป่าฝ่าดงในพงชัฏล้วนไม่ไล่เลาะลัดลงล้มขวางแล้วเข้าในป่าระหงแลดงยางแลสล้างสูงเวลาดูแปล่าตาวายุเวกพานพัดระบัดโบกเขยื้อนโยกร่มรุกขสาขาใบระบัดพัดระงมเมื่อลมพาเสนาะลั่นหิมวาวิเวกใจก็ล่วงลุเข้าป่าพนาเวศอันพงเพศมีนามตามวิสัยชื่อบ้านเต่าเสาสล้างอยู่กลางไพรพระสุริย์ใสอ่อนสีลงสายัณก์ก็แรมพลหยุดพักสำนักบ้านให้เตรียมการพร้อมพวกพลขันธ์ทุกหมวดหมู่ตรวจเกณฑ์ตระเวนกันเขม้นมั่นอยู่ด้วยราชไพรีครั้นรุ่งยกโยธาออกคลาเคลื่อนเข้าทางเถื่อนตามแถวแนววิถีถึงฟากฝั่งชลธาร์วารีประเทศที่ลำเขินสะอาดชลกระสินธิ์เชี่ยวเลี้ยวไหลอยู่โครมครื้นจะคิดคืนหลีกลัดก็ขัดสนแสนลำบากยากใจกับไพร่พลเป็นจำจนแล้วก็ลงในคงคาด้วยเดชะบารมีเป็นที่ตั้งก็ล่วงลุถึงฝั่งดังปรารถนาอันเงือกงูกุมภีล์ไม่บีฑาทั้งสินธพไอยราไม่อันตรายครั้นถึงฝั่งแล้วก็ตั้งพยุหบาตรยุรยาตรไปตามกำหนดหมายพอเวลาสายัณห์ตะวันชายก็ถึงค่ายกองหน้าสำนักแรมทำรั้วอ้อมเรือนปิดไว้มิดรอบด้วยเขตขอบบ้านปอนั้นล่อแหลมไอ้ลาวเที่ยวเล็ดลอดมาสอดแนมด้วยย่านบ้านแซกแซมกันเนื่องไปเสด็จถึงพลับพลาในค่ายล้อมสะพรั่งพร้อมโยธามาไสวเข้าหน้าที่นั่งทางไม่วางใจทั้งนายไพร่ก็ระมัดระวังตน            

ນິຣາດວຽງຈັນ ຕອນ 1

เวรวิบัติซัดวิบากให้จากเชยจะล่วงเลยลับพักตร์ยุพินจรรัญจวนใจด้วยจะไกลสมรมิ่งหวาดประวิงทรวงระทึกฤทัยถอนสิบเอ็ดค่ำคุรุวาร์ยิ่งอาวรณ์พร้อมนิกรเทียบท่าในวารีจอมณรงค์ทรงพักตำหนักน้ำได้ฤกษ์ย่ำฆ้องโห่ประทับที่เสร็จลินลาศยาตราลงนาวีโดยวิถีแถวท่าชลาลัยพี่เหลียวชะแง้แลหาไม่เห็นน้องยิ่งเนืองนองอัสสุชลนัยน์ไหลนาวาชิดติดตามเสด็จไปโอ้จะไกลลับแล้วนะแก้วตาถึงอาวาสวัดดาวดึงส์สถานชลีกรนมัสการเหนือเกศาขอพระเดชพุทธฤทธิ์อิศราให้ข้าศึกมรณาอย่าต่อกรทั้งยุพินที่สถิตในสถานพระคุณช่วยอภิบาลบำรุงสมรให้พ้นภัยโรคาสถาพรประณมกรกราบถวายบังคมลาถึงบางจากเจียนจิตจะจากร่างตำบลบางแม้นเหมือนนิราศาดังจากเรียมจากรักหนักอุราแสนระอาเสียด้วยจากวิบากเจียวถึงบางพลัดซ้ำพลัดเข้าอีกแล้วได้ยินแว่วหวาดไหวฤทัยเสียวเหมือนพลัดนวลครวญหาสุดาเดียวตะลึงเหลียวดูบางระบมทรวงถึงบางซ่อนเศร้าศรีไม่มีสุขระทมทุกข์เทียมเท่าภูเขาหลวงเหมือนแสร้งซ่อนขนิษฐาสุดาดวงไว้ให้ง่วงงงฉงนไม่ยลนวลถึงบางโพธิ์พื้นญวนตลอดย่านโพงพางพานบวบบั่นอยู่หันหวนกระสินธุ์เชี่ยวเลี้ยวลดไม่ทดทวนเหมือนใจพี่จวนจากรักภัคินีตลาดแก้วแก้วพี่ศรีสวัสดิ์จะเคืองขัดขุ่นข้องด้วยหมองศรีตลาดขวัญขวัญตาอยู่ธานีปานฉะนี้จะเทวษถวิลครวญถึงปากเตร็ดตรึกตรมอารมณ์ร้อนระทดถอนท้อใจอาลัยหวนนาวาเรียงเคียงข้ามตามขบวนพี่เปี่ยมป่วนปิ่มจิตจะจากจรแล้วจำใจทัศนาที่ท่านั้นเห็นรามัญหมอบเมียงเคียงสลอนประณมหัตถ์ชูช่วยอำนวยพรที่แถวท่าสาครดูขำคมทัศนารามัญขยันเหยาะละม่อมเหมาะเกล้ามวยดูสวยสมลางนางทอดทัศนาเห็นตาคมสไบห่มพอประมาณไม่ปิดทรวงพอเนตรสบพบของเคยถนอมยิ่งตรมตรอมจิตใจนั้นใหญ่หลวงจะจำจากขวัญตาสุดาดวงไม่หายห่วงโหยหาเป็นตราใจก็ลับเตร็ดเสร็จโดยวิถีแถวลำเนาแนวคงคาชลาไหลถึงบางพูดเลยพ้นตำบลไปพี่โหยไห้หวนหาในสาครถึงบางพังดุจดังอุราพี่จะพังพับทับที่บรรจถรณ์ยิ่งรัญจวนครวญหาให้อาวรณ์เห็นเชิงราครุ่มร้อนในฤดีถึงสามโคกแลโคกไม่ห่อนเห็นวิบัติเป็นมีนามน่าบัดสีแต่ดอนเดียวดูไหนก็ไม่มีช่างลับลี้เลื่อนลบไม่พบดอนถึงเกาะใหญ่ยอแสงพระสุริเยศจะข้ามเขตพระสุเมรุสิงขรปักษาชาติสกุณาทิชากรก็เร่ร่อนเร่งรีบเข้ารังเรียงที่พลัดคู่กู่ร้องบนรังร้างไม่ยลนางนกสมประสานเสียงเหมือนอกเรียมร้างน้องประคองเคียงจะไปเวียงวายสวาทนิราศมาถึงบางไทรสุดโศกวิโยคนักนิรารักแรมนวลรัญจวนหาโอ้คลองนี้เคยประพาสลินลาศมาประทับท่าแถวทุ่งไม่ขาดปีก็เลยล่องคลองใหญ่บางไทรลับจันทร์พยับมัวโพยมไม่ยลศรีเป็นหมอกมืดเมฆาในราตรีแถววิถีหมายเขม้นไม่เห็นทางค่อยลอยเลาะเลียบมาในสาคเรศแสนเทวษอกตรมระบมหมางทั้งมืดมิดมิได้ยลตำบลบางทั้งสองข้างฝั่งชลไม่ชื่นเลยถึงเกาะเรียนรอบรกล้วนหย่อมหญ้าสำคัญว่ามีคลองเจียวน้องเอ๋ยนาวาพายใกล้ชิดเข้าติดเกยต้องค้ำเลยเข้าเกาะจำเพาะไปด้วยมัวมืดเมฆาในนาเวศสุดสังเกตที่ว่าเกาะอยู่ตรงไหนจนเลยทางลับบางตำบลไปสังเกตได้แต่ที่คลองตะเคียนมาถึงวัดนาคปากช่องปราการใหญ่แลวิไลดังหนึ่งเทพเรขามีเขื่อนรอบขอบงามอร่ามตาเหมราปักเรียงอยู่เคียงกันนาวาล่องพ้นคลองตะเคียนลัดถึงอาวาสนามวัดพุทไธศวรรย์ศาลาใหญ่หักยับลงทับกันแต่ขอบคันเลี่ยนสะอาดแลสำอางดูภูมิฐานใหญ่กว้างแต่ปางก่อนก็สมควรพระนครเป็นคู่สร้างแลวิเวกสูงระหงทรงพระปรางค์เสียดายร้างรกชัฏทุกวัดวานิกรชนเงียบสงัดกำดัดดึกสว่างแสงกะระพฤกกระจ่างหล้าบรรลุถึงท่าประทับที่พลับพลาตำแหน่งวัดธรมาอร่ามเรืองจะจวนรุ่งแสงทองจำรัสฟ้าพระสุริยารัฒมีพอสีเหลืองนาวาเลี้ยวลับล่องเข้าคลองเมืองคะนึงเนืองอัสสุชลนานองโอ้นิเวศดังวิมานในเมืองฟ้าไม่มีผู้รักษาก็เศร้าหมองปราสาททรุดเสื่อมศรีไม่มีทองก็มัวหมองเหมือนพี่จากสมรมาถึงอารามนามวัดว่าโรงฆ้องจะเลี้ยวล่องแสนยากสหัสสาเป็นหาดพื้นตื้นเต็มทั้งมรคาต้องเข็นขุดฉุดคร่านาวาไปจนถึงรอจึงให้รอหยุดประทับเรียงลำดับนาวาแลไสวจึงแรมร้อนผ่อนพหลพลไกรสงบไว้ฟังกิจให้แจ้งการครั้นทราบเสร็จแล้วเสด็จลินลาพร้อมนิกรโยธาทวยหาญออกจากกรุงมุ่งมาไม่ช้านานถึงสถานปากจั่นเข้าโดยจงถึงคลองลัดจะใคร่หลีกให้ลี้ลับแล้วเสด็จกลับคืนไปเหมือนใจประสงค์แต่กริ่งเกรงภูวนาถบาทบงสุ์จะขัดแค้นแสนทรงพระโกรธาบรรลุถึงบางระกำให้ช้ำจิตระกำใจไกลมิตรเสนหาพี่โหยหวนครวญคิดเป็นนิตย์มาสักเวลามิได้ขาดสวาทคลายบรรจวบจวนพระนครเป็นเขื่อนเขตเห็นวงวังพระนิเวศเป็นที่หมายกำแพงวังพังยุบยับทลายนครหลวงล่วงหลายกษัตริย์ครองลุตำบลบ้านอรัญญิกแล้วไม่ผ่องแผ้วทุกข์ทนกมลหมองเห็นเรือนร้างเรี่ยรายลงก่ายกองทั้งเข้าของทิ้งกราดดาษดาไอ้ลาวไล่ต้อนครัวไปมั่วไว้แล้วจุดไฟทุ่มทิ้งขึ้นเคหาตลอดย่านบ้านแลจนลิบตามรณาลงด้วยไฟบรรลัยลาญถึงวังแดงแลดาษด้วยหาดใหญ่เออที่ไหนจึงว่าตั้งวังสถานออกชื่อวังพี่ก็ตั้งทรมานมีแต่บ้านชาวป่าพนาดรศาลาลอยล่วงแล้วนะแก้วพี่ยิ่งทวีทุกข์ท้อฤทัยถอนมาลอยคว้างร้างเร่พเนจรไม่หยุดหย่อนบ้างบางทางตำบลถึงบ้านขวางทางท่าที่นาเวศพระสุริเยศบ่ายคล้อยพระเวหนนาวาพายตามสายชลาวนประจวบจนท่าเรือศาลารายเห็นบ้านเรียงเคียงตั้งริมฝั่งสมุทรทั้งโรงสัปรุษที่ซื้อขายไม่เห็นคนแตกพลัดกระจัดจายแต่เรือนร้างตั้งรายอยู่ริมชลลุสถานนามบ้านเจ้าสนุกยิ่งซ้ำทุกข์ทับกายเข้าหลายหนไม่เห็นสนุกแลยแต่ทุกข์ระทมทนแจ้งยุบลอยู่ทุกบางหนทางจรพระที่นั่งถึงฝั่งฟากประทับเรียงสลับนาวาแลสลอนให้พักพวกหมู่พหลพลนิกรก็แรมรอนอยู่ที่ท่าชลาลัยคอยรอฤกษ์ที่จะเลิกพยุห์ยกขึ้นเดินบกข้ามเขินเนินไศลอรุณรุ่งพุธวาร์จะคลาไคลพลไกรเตรียมทั่วทุกตัวคนครั้นสิ้นแสงสุริยนสนธเยศจวนประเวศขึ้นสว่างพระเวหนที่สถิตนาวาที่ท่าชลแสนทุรนร้อนรึงคะนึงนวลจะนิทราอาดูรพูนเทวษพอหลับเนตรก็เห็นน้องประคองสงวนผวาตื่นชื่นชมอารมณ์ชวนสำคัญนวลว่ามาแนบอยู่แอบกายครั้นลืมเนตรมิได้ยลวิมลแม่โอ้ยิ่งแลก็ยิ่งลับมากลับหายหรือนงนุชเนื้อเหลืองเคืองระคายจึงเบี่ยงบ่ายเบือนพักตร์ไม่พาทีละเมอบ่นอยู่จนคนที่เคียงชิดเกาสะกิดว่านี่ตรัสกับใครนี่ได้ยินแว่วหวาดผวาในราตรีแจ้งคดีว่านิมิตก็คิดอายจึงกล่าวแกล้งแสร้งว่าข้าไม่หลับปิศาจอำปล้ำทับไม่สูญหายได้ยินแจ้วแว่วเสียงสำเนียงนายไอ้หมู่พรายจึงปลาสนาจรแต่เย้าหยอกสำรวลสรวลสันต์จนสุริยันเยี่ยมยอดสิงขรหมู่คชาช้างที่นั่งอลังกรเรียงสลอนเป็นลำดับประทับเกยโอ้ว่ากรรมแล้วก็จำจากท่าสงสารแต่นาวานะอกเอ๋ยได้อาศัยเป็นนิรันดร์ทุกวันเคยจะล่วงเลยลอยคว้างอยู่กลางชลพอได้ฤกษ์ฆ้องหึ่งแล้วโห่ร้องสะท้านท้องหิมวาพนาสณฑ์เสด็จขึ้นทรงช้างอยู่กลางพลให้จรดลเดินทศโยธาพี่ก็ตามเสด็จทรงไอยเรศแสนเทวษไปในไพรพฤกษาดำเนินทางพลางทอดทัศนาหิมวายิ่งวิเวกวังเวงใจประจวบจวนบางโขมดที่เคยพักมีสำนักชลท่าชลาไหลศาลาคู่สองข้างที่ทางไปได้อาศัยสุปรุษที่เดินทางลุตำบลบ่อโศกยิ่งซ้ำเศร้าเหมือนโศกเราเกรียมกรมอารมณ์หมางเห็นโศกสุมกลุ้มสะปะทะทางเหมือนโศกเรียมแรมร้างนิรานวลที่เนานานมิได้พานประสบพักตร์จะร้อนรักรุ่มรึงคะนึงหวนจะโหยหาเช้าเย็นไม่เว้นครวญเสียดายนวลก็จะหมองละอององค์ถึงศาลาสามเณรตำแหน่งพักที่สำนักอยู่ในเนินพนาระหงไม่เห็นห้องสามเณาในเวณวงล้วนเสาทรงแฝกฝาเป็นพาไลก็ลุถึงหนองคนทีที่สำนักตำแหน่งพักชลท่าชลาใสดำเนินเหนื่อยเมื่อยล้าที่มาไกลเข้าอาศัยพลพักสำนักนานถึงเขาตกหินตั้งเป็นเนินผามีศาลาร่มแสงพระสุริย์ฉานเขาบวงสรวงมิ่งม้าคชาชาญแต่โบราณไม่ตระหนักประจักษ์ใจจะไถ่ถามความข้อที่คนรู้ไม่เห็นผู้ที่จะแจ้งแถลงไขจนลับล่วงเลยเขาลำเนาไพรพี่โหยไห้หวนคิดที่จิตจงถึงสระยอสุริยนขยับเยื้องเรียมชำเลืองแลหาที่ท่าสรงเคยชุมนุมชุมชวนนวลอนงค์สำอางองค์สู่สายกระแสชลที่จากคูเคยมาอยู่ที่ริมสระคอยปะทะอยู่ที่ทางหว่างถนนสำเร็จนึกตรึกหมายไว้หลายคนไยไม่ยลไปสถิตสถานใดแต่สระเปล่าแลเปลี่ยวไม่เหลียวเห็นนิจจาเอ๋ยโอ้เป็นเช่นนี้ได้เหมือนเรียมจากขนิษฐานิราไกลก็เปลี่ยวใจเปล่าจิตทุกวันจรจนลุล่วงมรรคาพลับพลาพักเห็นธงทิวปลิวปักบนสิงขรเสด็จถึงเกยชาลาคชาธรเรียมก็จรลดเลื่อนจำลองลงสถิตพื้นภูมิภาคทิศยิ่งเปลี่ยวจิตเปล่าใจอาลัยหลงแต่ก่อนเคยมาประณตบทบงสุ์ในวังวงมีแต่ฝูงชาววังเวียงเคยสดับดนตรีปี่พาทย์ก้องกระดึงดังระฆังฆ้องไม่ขาดเสียงทั้งแม่ค้าร้านขายอยู่รายเรียงบ้างแข่งเคียงคู่ขึ้นบรรพตาทุกพุ่มพงดงห้วยเหวละหานท่าธารตรอกโตรกชะโงกผาทั้งหญิงชายกร่ายเกร่เที่ยวเร่มาบ้างเกี้ยวพาเชยชมภิรมย์กันเออไฉนไยจึงเงียบฉะนี้นี่อุระพี่ก็ยิ่งเปลี่ยวเสียวกระสันวิเวกเสียงเรไรในไพรวันจักรจั่นเรื่อยร้องระงมดงชะนีร่ายไต่ไม้บนไหล่เขาแล้วห้อยโหนโยนเย้าน่าพิศวงให้เคลือบแคลงอยู่ด้วยแสงพระสุริยงกระสันส่งเสียงร้องวังเวงใจมยุเรศร่อนจับบนจอมผาก็รำฟ้อนหลอนกาให้หลงใหลกาเข้าห้อมล้อมชมแล้วตรมใจทะลวงไล่ฉาบเฉี่ยวอยู่ไปมาพวกวานรหลอนหลอกกับฝูงค่างแล้ววิ่งวางขึ้นไปเซาบนพฤกษาเอาลูกน้อยแนมแนบแอบอุราสองกรกุมกัณฐาไม่วางมือข้างฝ่ายแม่โน้มเหนี่ยวเอาพฤกษาก็เก็บผลไม้มาให้ลูกถือแล้วกู่ก้องร้องเล่นอยู่บันลือออกอึงอื้ออยู่บนเชิงคิรีวันพี่เล็งแลเหล่าสัตว์ในสิงขรยิ่งเร่าร้อนจิตใจให้กระศัลย์จึงเรียกเหล่าโยธาเข้ามาพลันให้เก็บพรรณบุษบาบรรดามีทั้งธูปเทียนบรรจงจำนงหมายหวังถวายบทเบื้องพระชินศรีก็จรดลตามแนวแถวคิรีโดยบันไดนาคีประวิงวอนจังหวัดเวียนเทียนถือประนมหัตถ์ค่อยเลี้ยวลัดรอบเชิงชายสิงขรโดยคำรบครบเจ็ดแล้วเสร็จจรชลีกรมัสการพระชินวงศ์ให้เอิบอิ่มปรีดาด้วยปราโมทย์โดยประโยชน์หวังจิตคิดประสงค์จึงปลดเปลื้องภูษิตอุทิศตรงจิตจำนงน้อมเศียรลงมัสการเอาแพรชมพูปูทรงวงพระบาทแล้วแผ่พาดหุ้มมิดให่้ปิดฐานขอพระคุณป้องปัดกำจัดพาลอธิษฐานสารพันจะบรรยายเดชะบุญคุณสร้อยพระสรรเพชญ์ให้สำเร็จเวียงจันท์ดังมั่นหมายจะรบลาวเสียให้ชื่อลือกระจายให้แตกตายเต็มป่าพนาลัยถึงจะเรืองศักดามหาเวทจะมีคุณวิเศษสักเพียงไหนให้ถอยฤทธิย่อยยับทั้งทัพชัยจึงสาใจสมจิตที่คิดพาลแล้วนอบน้อมวันทนาลาพระบาทยุรยาตรไปตำแหน่งแห่งสถานพอเสร็จขึ้นเกยสถิตประทับอานคชาธารพระที่นั่งอลังกรทหารปืนเดินดื่นออกดาษป่าครั้นทัศนาหอกแห่แลสลอนนำเสด็จเสร็จโดยวิถีจรทุเรศร้อนไปในไพรพนาวาฝ่ายพี่ก็ขึ้นขี่จำลองคชยิ่งรันทดแสนโทมนัสสารีบตามเสด็จพ้นตำบลมาพี่โหยหามิได้เว้นสักนาทีบรรลุถึงธารทองแดงตำแหน่งห้วยเป็นโกรกกรวยชลท่าชลาศรีอันเดินรอบขอบคันในวารีนั้นแดงดีดุจชาดสะอาดตาเหล่านิกรดื่มกินสุธารสอันใสสดที่ในธารละหานผาแล้วรีบเดินตามเนินมรคาเข้าแห่หุ้มไอยราที่นั่งทรงพระสุริยงยอแสงเย็นพยับก็ถึงธารที่ประทับโดยประสงค์อันมีนามพุกำจานเป็นด่านดงสั่งให้ปลงหยุดประทับแรมประทมแล้วยกย่างจรดลเข้าดงชัฏล้วนเหล่าไม้เยียดยัดกันสับสมเสียงเรไรเรื่อยร้องก้องระงมก็ล่วงเลยวังส้มพอสุดดงออกป่าแดงรีบเดินถึงเนินเขาสูงเฉลาแลพินิจพิศวงเป็นเปลวปล่องช่องชั้นเหมือนบรรจงชื่อพระยาเดินธงเป็นทิวทางสถานถิ่นภูมิพื้นก็รื่นราบดังคนปราบขุดขนแล้วก่นถางมีวารีล้นไหลอยู่ในรางเป็นแอ่งอ่างซึมใสค่อยไหลรินที่เพิงผาน่าดูดังพู่ห้อยเป็นน้ำย้อยหยดเพรื่อด้วยเหงื่อหินระยับแสงพรายพร้อยร้อยดังพลอยนิลสถานถิ่นเทพเจ้าลำเนาไพรเป็นหุบห้วงเหวหินชะง่อนงอกที่โกรกกรอกผาเผินเนินไศลไม้รวกเรียงเคียงลำอยู่รำไรก็กวัดไกวยวบโยกอยู่ไปมารุกขชาติที่สำหรับประดับเขาเป็นหลั่นเหล่าแดงเขียวดังเลขาพิศดอกออกผลดาษดาสกุณาจับจิกแล้วบินจรพี่ยลพลางทางขับกุญชรชาติให้ยุรยาตรเลียบเดินริมสิงขรถึงกำพรานบ้านไพรที่ในดอนเข้าซอกซอนอยู่ในดงไม่น่าดูแล้วลุย่านบ้านนามโคกถลุงเอาแฝกมุงเรือนพังเหมือนรังหนูเห็นกองทัพชายหญิงเที่ยววิ่งพรูไปซ่อนอยู่ชัฏชิดให้มิดกายก็จรดลพ้นย่านบ้านป่าถึงทางท่าน้ำสักกระแสสายเป็นทิวเลี่ยนเตียนลาดด้วยหาดทรายจำนงหมายท่ากระเพราะกำหนดไพรสั่งให้หยุดพักพลที่บนหาดพี่ยุรยาตรสู่ท่าชลาไหลกระสินธุ์เชี่ยวเลี้ยวลดรันทดใจพี่โหยไห้หวนหาสุดาดวงแต่วารียังเป็นที่กำหนดแน่สายกระแสไหลล่องทะเลหลวงเหมือนพี่มุ่งนัคราเป็นตราทรวงแต่ตัวถ่วงทวนทุกข์ขึ้นเดินดอนจนสุดแดนนัคราอาณาเขตสุดสังเกตที่จะพบสบสมรยิ่งนับวันนับไกลครรไลจรเอาสิงขรพุ่มพงเป็นวงวังแล้วจรจากวารีไม่มีสุขระทมทุกข์ในกมลกังวลหลังขึ้นพลับพลาฝากิ่งพฤกษาบังคะนึงนั่งนึกนวลรัญจวนใจจนอรุณรุ่งสางสว่างหล้าเสียงลั่นฆ้องสัญญาอยู่หวั่นไหวพยุหบาตรยาตราออกคลาไคลคชไกรรับเสด็จจรลีค่อยเลาะเลียบคงคาสาคเรศไปตามเขตคันดงลงวิถีประทับร้อนผ่อนพักพวกโยธีแล้วจากที่ย่างเยื้องจรจรัลก็ลุล่วงไชยบาดาลสถานที่นิคมเขตธานีในเขื่อนขัณฑ์พอสิ้นแสงสุริยาลงสายัณห์ก็ยับยั้งตั้งมั่นอยู่ริมชลพี่ชมชาวไชยบาดาลที่ธารท่าลงอาบกินธาราอยู่สับสนรูปพรรณพักตราไม่น่ายลถ้ามีขนก็ว่าค่างที่กลางไพรทั้งแดนดินถิ่นฐานที่บ้านอยู่จะพิศดูก็ไม่น่าจะอาศัยแต่เสียงสัตว์ครื้นเครงวังเวงใจชั่วอยู่ได้ชื่นชมนิยมยินครั้นตรวจเตรียมจัตุรงคพร้อมเสร็จแล้วเสด็จจากท่าชลาสินธุ์ไปข้ามเนินนัทีศีขรินทร์ถึงแถวถิ่นที่บัวชุมธานี            

วันพุธที่ 25 เมษายน พ.ศ. 2555

ພົບເຮືອນຮ້ານ ຫີນຕັ້ງ ແລະຄ້ອງບັ້ງ ທີ່ມາເລເຊັຍ

- ປະເທດມາເລເຊັຍ ຢູ່ຫ່າງໄກຈາກລາວຕັ້ງ 2000 ກວ່າກິໂລແມັດ, ລວມທັງເກາະດອນໃນຝັ່ງມະຫາສະໝຸດປາຊິ ຟິກທັງມວນນັ້ນແລ້ວຊາວມາເລເຊັຍນັ້ນໃນໄລຍະປະຫວັດສາດຂອງຊາດລາວ ແລະມາເລເຊັຍ ບໍ່ປາກົດເຫັນມີ ການພົວພັນທາງປະຫວັດສາດໃດໆທັງສິ້ນ, ໃນປະມານປິ ຄ.ສ 1640 ໃນສະໄໝພຣະບາດສົມເດັດພຣະເຈົ້າສຸ ຣິຍະວົງສາທັມມິກະຣາຊ ຊາວລາວຄົງຈະຮູ້ຊາວມາເລເຊັຍ ແລະເມືອງມາລັກກາ ດ້ວຍວ່າທູດຊາວໂຮນລັງໄດ້ ທີ່ມາຈາກມາລັກກາໄດ້ມາຈະເຣີນສຳພັນທະໄມຕີກັບອານາຈັກລ້ານຊ້າງສະໄໝນັ້ນເທົ່ານັ້ນ.

- ເມື່ອວັນທີ 14-19 ເມສາ 2012 ຫຼັງຈາກທຳບຸນສະຫຼອງປີໃໝ່ທີ່ສະຖານເອກອັກຄະລັດຖະທູດ ສປປ.ລາວ ທີ່ກົວລາລັມເປີແລ້ວ ທາງທ່ານທູດ ແລະຄອບຄົວ ພ້ອມດ້ວຍພະນັກງານ 1 ຄົນ, ພາຄະນະພວກເຮົາ ທີ່ມາຈາກ ສປປ,ລາວ ໄປທ່ຽວ ໃນນັ້ນກໍມີທ່ານອາເລັກ ພ້ອມພັນລະຍາ ອາສາເປັນໄກດ໌ ທັງເປັນຜູ້ບໍລິການທັງໝົດໃນການເດີນໃນວັນທີ 16-17/04/2012.

-