วันเสาร์ที่ 14 พฤษภาคม พ.ศ. 2559

ນິຣາດວຽງຈັນ ຕອນ 3


ให้เสือป่าแมวเซานั้นเล็ดลอดเที่ยวเสาะสอดไประวังฟังนุสนธิ์
ถ้าพบลาวมาแสดงแจ้งยุบลเกณฑ์คนไว้จะจับมาแจ้งความ
แล้วตรัสสั่งทัพหน้าพม่ามอญกองโคราชรีบจรไปทั้งสาม
พอแลลับทัพหลวงก็ล่วงตามอันฤกษ์ยามเทพช่วยอำนวยพร
พลรบบันเทิงสำเริงรื่นดูชุ่มชื่นมิได้ท้อระย่อหย่อน
ล้วนอาวุธกุมจับอยู่กับกรจะคอยรอนรับราชไพรี
บ้างกรายหอกแกว่งดาบแล้วรำง้าวทั้งปืนน้าวหน่วงนกไม่นึกหนี
ขยับท่วงทีท่าจะราวีกำเริบเริงฤทธีทุกตัวคน
คเชนทร์รนร้องม้าคะนองเผ่นปะเตะเต้นกลอกกลับอยู่สับสน
พื้นอากาศผาดผ่องในอัมพลโพยมบนหมดเมฆไม่ราคี
ธงทิวปลิวไสวใบสะบัดวายุพัดสวนส่งตรงวิถี
สดับเสียงเบื้องบนเหมือนดนตรีประโคมขับอึงมี่แล้วตามมา
ทัพเดียวเด่นโดดไปกลางชัฎละเลาะลัดลับไม้ที่ใบหนา
ดาดาษกลาดกลางอรัญวาพงกโยธาโห่ร้องอยู่ก้องไพร
ก็ล่วงลุภูเวียงวงสิงขรพี่อาวรณ์พิศวงให้หลงใหล
ดูละหานธารถ้ำอันอำไพที่วงในบ้านเคียงอยู่เรียงราย
มีทางเดินแห่งเดียวที่ผาขาดดุจเขาคันธมาทน์อันเฉิดฉาย
ข้างรอบนอกพื้นผาศิลารายเป็นที่หมายของอนุสำนักพล
ตั้งพลับพลาไว้ที่หน้าเนินสิงขรสำนักนอนเมื่อดำเนินออกเดินหน
แล้วพานวลนางอนงค์ลงสรงชลเก็บอุบลบุษบาในวารี
แล้วแล่นไล่โคถึกมฤคมาศเที่ยวประพาสนกไม้ในไพรศรี
สำราญใจไพร่พลมนตรีแล้วจรลีแรมร้อนเที่ยวนอนไพร
พอทัพถึงสิงขรเป็นที่ขันก็ตั้งมั่นมุ่งหาที่อาศัย
โปรดให้กองพระเสนานั้นคลาไคลขยับไปตั้งรับอยู่ลำพอง
พอกองโจรสามร้อยมาคอยทัพครั้นได้ทีก็ขยับผันผยอง
เข้านั่งอิงพิงผานัยน์ตามองพอได้ช่องยิงปืนระดมดัง
แล้วโห่ร้องก้องกึกโกญจนาทออกชักปีกพันพาดตลบหลัง
ไทยมอญพม่าละล้าละลังไม่คิดหวังว่าศึกจะโจมตี
บ้างก็ถูกปืนล้มลงกลาดกลิ้งบ้างก็วิ่งซมซานทะยานหนี
บ้างไม่ย่อท้อเข้าต่อตีคลุกคลีไทยลาวตะลุมบอน
พระเสนาเสียกระบวนก็ซวนหนีเข้าชิงที่ชัยภูมิเอาสิงขร
ครั้นตั้งได้ไล่ทหารเข้าราญรอนพม่ามอญตีลัดขึ้นตัดทาง
พวกทัพลาวเหลือทนจะถอยหนีเห็นโยธีเข้าตัดก็ขัดขวาง
แต่ศึกกลุ้มหุ้มไว้อยู่ในกลางกระหนาบข้างเข่นฆ่าเข้าราวี
ลงล้มกลาดดาษดิ้นสิ้นชีวิตทุกคนคิดแยกย้ายกระจายหนี
เที่ยวซุกซนด้นป่าพนาลีจะเอาแต่ชีวีให้คงคืน
ขุนณรงค์องอาจเอกทหารก็ขับอาชาชาญเข้าฝ่าฝืน
ไล่ถาโถมโจมจับไม่กลับคืนจนดึกดื่นลุถึงกึ่งราตรี
เสด็จยกพลตามพวกทัพหน้าเที่ยวบุกชัฎลัดป่าพนาศรี
จนพ้นดงพงชัฎถึงนัทีชื่อลำพองวารีเป็นวังวน
ประกอบด้วยเงือกงูอันแรงร้ายกุมภีล์พาลพล่านว่ายอยู่สับสน
ลงข้ามพลม้าช้างมากลางชลไม่เห็นหนด้วยเป็นยามสนธยา
เที่ยวหลีกไม้ไล่โดนแต่จระเข้จนซวนเซพลาดพล้ำถลำผา
บ้างหกล้มจมลงในคงคาขึ้นคว้าหาฝั่งฟากชลธี
ไปตามรอยบทจรทัพหน้าไล่บุกหารอยเท้าไอ้ลาวหนี
เที่ยวแคะค้นมรรคาในราตรีจนสุดแรงพาชีและไอยรา
บรรลุบ้านนามกะตุดชางแปนโอ้ว่าแสนสุดยากสหัสสา
จนสิ้นแรงหิวโหยลงโรยราเข้าตากต่างโภชนาทุกคืนวัน
ประทับริมอาวาสในหิมเวศตามสังเกตบึงใหญ่ในไพรสัณฑ์
ก็พบพวกกองหน้าเข้ามาทันอภิวันท์หมอบเมียงอยู่เรียงราย
ขุนณรงค์โจมจับเอาลาวได้โปรดให้ไล่คำให้การอ่านถวาย
ครั้นทราบเสร็จทรงเห็นเป็นอุบายจึงสั่งนายขุนณรงค์ให้รีบจร
คอยจับลาวที่จะลงมาจุดบ้านจะชิงขนอาหารเข้าสิงขร
แต่ทัพใหญ่หยุดพักสำนักนอนคอยนิกรล้าหลังในดงดาน
พี่สุดแสนชอกช้ำระกำจิตเหมือนเวรก่อต่อติดมาตามผลาญ
ลำบากตนสุดทนที่ทรมานทั้งอาหารอดอยากลำบากกาย
เมื่อยามนอนนอนเหนือใบไม้ลาดเมื่อยามกินเคลื่อนคลาดเวลาหมาย
จะกินน้ำก็แต่ตมขมระคายล้วนกลิ่นอายสาบสางทั้งช้างคน
อันความเข็ญไหนจะเห็นในอกพี่ด้วยลับลี้อยู่ในป่าพนาสณฑ์
จึงจดหมายมาให้แจ้งแห่งยุบลซึ่งเหตุผลทุกข์ยากลำบากใจ
ถึงกระนั้นก็ไม่วายคะนึงน้องที่ห่างห้องห่วงคิดพิสมัย
อันศึกนอกก็ไม่นึกเท่าศึกในพี่เตรียมใจตรมจิตทุกราตรี
ครั้นอรุณเรื่อรุ่งจำรัสฟ้ากระจ่างหล้าเหล่าไม้ในไพรศรี
ช้างประทับรับเสด็จจรลีตามวิถีแถวในไพรพนม
พี่เก็บพรรณพฤกษาผลาหารอันเปรี้ยวหวานลางชาติก็ฝาดขม
ทั้งหว้าหวายพลับพลองของนิยมและม่วงปรางซางซมตะคร้อครอง
หมากพอกผลซามสุกอยู่ดื่นดาษอันรสชาติหวานดีไม่มีสอง
ลูกขวิดขวาดดาษดกลงตกกองทั้งแห้วหาดตาดต้องมะเฟืองไฟ
พวาหวานยามยากอร่อยรสเมื่อคราวอดโอชาจะหาไหน
เที่ยวเลือกเก็บสิ่งของที่ต้องใจอันมีในหิมวันต์อรัญญา
ถึงบ้านโพธิ์ภูมิฐานเป็นลานเลี่ยนอยู่กลางเตียนบ้านติดกันแน่นหนา
พวกนิกรจรลงในคงคาสำราญร่มรุกขาอยู่ริมชล
พระที่นั่งเลยทางไปกลางชัฎถึงบ้านลาดมีวัดอยู่กลางหน
พอรอนรอนอ่อนแสงพระสุริยนก็ตรวจพลหยุดพักพวกโยธี
ริมชายเชิงภูเก้าโดยกำหนดซึ่งบรรพตอยู่กระหนาบแนววิถี
ทั้งเก้ายอดเยี่ยมเมฆเมฆีสถานที่โล่งเลี่ยนเตียนสบาย
ล้วนบ้านลาวเรียงรันเป็นหลั่นสลับอเนกนับจะกำหนดนั้นเหลือหลาย
เห็นกองทัพวุ่นวิ่งทั้งหญิงชายแตกกระจายขึ้นบนยอดคิรี
บ้างก็แอบเล็ดลอดมาสอดมองพอได้ช่องปืนยิงแล้ววิ่งหนี
พวกไทยหลบลุกได้เข้าไล่ตีไอ้ลาวหนีซ่อนตัวด้วยกลัวตาย
ต่างคนไม่ประมาททั้งกองทัพนายและไพร่มิได้หลับสิ้นทั้งหลาย
อันอาวุธม้าช้างไม่ห่างกายเขม้นหมายคอยศึกจะโจมตี
ครั้นส่างแสงหิรัญสุวรรณเรื่อคณาเนื้อนกก้องในไพรศรี
พอพ้นยามสนธยาและราตรีค่อยยินดีบางเบาบรรเทาใจ
ตั้งกระบวนจัตุรงค์แล้วทรงช้างขยายย่างจากท่าที่อาศัย
ละเลาะเลียบแนวเขาลำเนาไพรเห็นแสงไฟเรืองรอบมรรคา
ไอ้ลาวแอบเอาไฟเข้าใส่ยุ้งแล้วรบพุ่งโหมหักกันหนักหนา
ขุนณรงค์ลงจับได้ตัวมาพิฆาตฆ่าล้มตายลงหลายคน
ที่บ้านพร้าวต่อแดนบ้านแสนตอไม่เหลือหลอเสียเข้าไม่ทันขน
พวกกองทัพทุกข์ทั่วทุกตัวคนเห็นขัดสนด้วยเสบียงนั้นบางเบา
ก็รีบจรมิได้หย่อนลงหยุดพักเข้าโหมหักชิงเข้าที่ลาวเผา
ไปติดตามรบรุกทุกลำเนาก็ชิงเอาเสบียงได้ครามครัน
สดับข่าวลาวมาตั้งสู้ที่หนองบัวลำภูเป็นค่ายขัน
ทำทิมั่นกั้นทางไปเวียงจันท์ทั้งแปดพันคอยท่าจะราวี
ระยะทางนั้นห่างสักร้อยเศษพอร้อนแรงสุริเยศจำรัสศรี
ถึงบ้านพร้าวเหล่าสถานสะอ้านดีก็พักพวกโยธีเข้าพร้อมกัน
ชุมนุมทัพจับจัดเป็นกองหน้าทั้งปีกซ้ายปีกขวาและกองขัน
พวกสามหอกเจ็ดหอกก็ออกพลันพวกรามัญเดินหน้าพม่าตาม
ครั้นได้ฤกษ์เลิกทศโยธีเสียงดนตรีกึกก้องท้องสนาม
เพชรฤกษ์รณรงค์ในสงครามมห้ข่มนามแล้วเสด็จออกยาตรา
จรจากถิ่นที่ประทับร้อนบทจรตามทางระวางผา
เขม้นเมิลเดินโดยมรคาต่างกำยำกายาทุกตัวคน
บ้างทรงเครื่องโพกผ้าตะแบงมานบ้างกินยาทาว่านอยู่สับสน
บ้างปลุกฤทธิสิทธิเดชพระเวทมนตร์สำเริงรณอิทธิฤทธิเรืองแรง
พวกรามัญปลุกเสือสักที่ขาพวกพม่าปลุกแมวสักที่แข้ง
เอามือปบตบตีให้มีแรงทำตาแดงดิบโดดโลดทะลวง
แขกตานีเสกน้ำซะระบัดแล้วเป่าปัดเวทมนตร์ข้างตวนหลวง
เช็ดหน้าโพกนุ่งผ้าตาเป็นดวงถือหอกควงเดินเคียงกันดูดี
ก็ลุถึงทางท่าชลาสินธุ์ที่แถวถิ่นลำพะเนียงพนาศรี
พร้อมนิกรโยธาฝั่งวารีตั้งกระบวนนาคีลงข้ามชล
ให้ข้ามกลางหางเศียรอยู่ภายหลังคอยระวังต้นทางที่กลางหน
ครั้นถึงพร้อมขึ้นบกแล้วยกพลล่วงตำบลหนองบัวเข้าโดยจง
เห็นบ้านจิกเรียงรายอยู่ชายหนองเขม้นมองดูก็น่าพิศวง
ถ้ากองลาวมาซุ่มที่พุ่มพงเข้าแวดวงตัดทัพก็เสียที
ให้กองหน้าดากันไปเที่ยวค้นไม่พบคนครอบครัวก็กลัวหนี
ทิ้งสถานบ้านถิ่นไม่ยินดีเที่ยวหลบลี้ซุกซ่อนใปดอนดง
แล้วยกเลยล่วงพ้นตำบลบ้านระยะย่านชายไม้ไพรระหง
ค่อยเลี้ยวเลียบแนวหนองบุษบงในจิตจงมาดมุ่งกับไพรี
ถึงพลับพลาอาศัยอนุพักที่สำนักนอนทางกลางวิถี
ก็ยลเขตค่ายลาวนั้นยาวรีชัยภูมิวาสุกรีอันเรี่ยวแรง
ทั้งกว้างยาวราวสามสิบเส้นเศษมีคูเขตรั้วขวากล้วนเข้มแข็ง
ตั้งประชิดติดกันคั่นกำแพงเสาไม้แดงร้อยเอ็นดูอาจอง
สนามเพลาะช่องปืนตลอดป้อมมีลับล้อมหอรบสูงระหง
ดูท่วงทีอาจหาญชาญณรงค์ในแว่นวงขอบเขตที่คามา
แต่ครอบครัวต้อนออกไว้นอกค่ายเที่ยวปีนป่ายขึ้นไปเดินบนเนินผา
พวกกองทัพลอบลัดไปทัศนาจนลิบตาแลลับบนคิรี
แต่กำลังตั้งรออยู่คอยรับขึ้นหอรบรายตับไว้ตามที่
เขม้นมองคอยท่าจะยายีทำลอบลี้ซ่อนเร้นไม่เห็นพล
พวกไทยถึงพร้อมเข้าล้อมค่ายไปตามชายทิวป่าพนาสณฑ์
เหล่านายร้อยเร่งรัดกำจัดพลให้รุกร้นต้อนตามกันเติมมา
เร่งเกณฑ์กันล้อมค่ายได้สองด้านก็สุดสิ้นทหารที่อาสา
ด้วยค่ายลาวยาวใหญ่มหึมาเหลือกำลังโยธาจะอ้อมวง
จึงรอรั้งโปรดสั่งทหารกล้าออกขี่ม้าสื่อสาส์นตามประสงค์
ให้แม่ทัพมาประณตบทบงสุ์จอมณรงค์สองเสด็จดำเนินมา
พระยานรินทร์กลับกลอกแล้วบอกเบือนทำพูดเชือนว่ายังชวนกันปรึกษา
แล้วเสแสร้งแกล้งแต่งเป็นสาราทิ้งออกมาว่าจะขอเป็นไมตรี
พวกทัพไทยหลงคิดจิตประวิงด้วยลาวยิงสัญญาเข้าหน้าที่
บ้างโห่ร้องก้องป่าพนาลีได้ท่วงทีสาดปืนเป็นโกลา
จนควันกลุ้มพุ่มพงดงสิงขรบนอัมพรมัวมืดพระเวหา
ที่ค่ายลาวเลื่อนลับไปกับตาด้วยธุมามืดคลุ้มอรุ่มมัว
พวกกองไทยถอยหลังมาตั้งมั่นก็เกณฑ์กันเร่งล้อมเข้าพร้อมทั่ว
บ้างขุดดินขึ้นตั้งลงบังตัวไม่ย่นย่อท้อกลัวแก่ไพรี
ทุกหมวดกองเกณฑ์กันเข้าทุกด้านเหล่าทหารแผลงฤทธิไม่คิดหนี
ทั้งปืนใหญ่น้อยยิงเป็นสิงคลีถ้อยทีรบรอเข้าต่อยุทธ์
ลาวไล่ไทยหนีเป็นทีท่าลาวล่าไทยไล่อุตลุด
พุ่งซัดศัสตราแลอาวุธสัประยุทธ์ไม่ย่อท้อกัน
เสียงไพร่พลดนตรีออกมี่ก้องปี่พาทย์ฆ้องกราวเชิดดูเฉิดฉัน
กลองแขกตีเปลี่ยนแปลงเมื่อแทงกันบันลือลั่นกึกก้องทั้งหิมวา
ดูแสงปืนไทยลาวนั้นวาบวับดังหิ่งห้อยย้อยจับบนพฤกษา
ก้องสำเนียงเสียงโห่เป็นโกลาดุจฟ้าฟาดสายทำลายลง
มืดคลุ้มกลุ้มควันทั้งวันเวศในขอบเขตหิมวาป่าระหง
โพยมพยับอับแสงพระสุริยงจนลดลงลับเหลี่ยมยุคุนธร
พระยาเกียรติ์รามัญประมาทศึกเข้าโหมฮึกแทงค่ายทลายถอน
ก็ต้องปืนนกสับลงพับนอนพระยามอญอาสัญในทันตา
ปลัดกองถาโถมเข้าโจมอุ้มอ้ายลาวซุ่มยิงซ้ำเข้าอังสา
ทั้งสองนายวายชีพชีวาอ้ายลาวร่าเริงร้องลำพองใจ
พลรบต่างต้องศัสตราวุธบริสุทธิสามารถไม่หวาดไหว
เข้ายิงแทงลาวตายกระจายไปโลหิตไหลแดงดาษปัฐพี
เมื่อเริ่มรบกันแต่บ่ายจนรุ่งเช้าพวกกองลาวเหลือฤทธิ์ก็คิดหนี
กระโดดค่ายป่ายปีนขึ้นคิรีพม่ามอญต้อนหนีกระหนาบไป
บ้างถูกปืนถูกหอกระยำยับไทยเข้าโถมโจมจับเอาตัวได้
ใส่ตะโหงกผูกมัดมาบัดใจเข้าส่งให้ตำรวจใส่ตะราง
แต่ตัวนายโยธาพระยานรินทร์ครั้นพลไพร่ไปสิ้นก็ขัดขวาง
ขึ้นขี่ขับนางม้าเป็นท่าทางออกวิ่งวางจะไปขึ้นบนคิรี
กองพระยากลาโหมเข้าโจมจับพวกกองทัพติดพันไม่ทันหนี
ก็ตกม้าลงไปขัดอยู่ปัฐพีพวกโยธีกลุ้มกลัดเข้ามัดมา
ถึงถวายบังคมพระบรมบาทจอมณรงค์ปรงประภาษที่ปรึกษา
ให้ซักถามตามยุบลแต่ต้นมาได้กิจจาแจ้งจริงทุกสิ่งอัน
ว่าอนุให้สุริยะหลานมาตั้งด่านเข้าสารเป็นที่มั่น
พลรบสองหมื่นหกพันทำเขื่อนค่ายยับยันกับคิรี
ตั้งบิลันกันทางไว้หว่างเขาให้ขนเอาศิลาขึ้นหน้าที่
คอยจะทุ่มทิ้งทับให้ยับยีกันวิถีไว้ที่กลางหนทางจร
ตูข้อยน้อยเห็นว่าเหลือกำลังนักจะหันหักขึ้นข้ามบนสิงขร
จะสิ้นเสียโยธาพลากรจงผันผ่อนทรงคิดให้จงดี
อันเวียงจันท์ล้วนแต่คันภูเขาล้อมจำเพาะจรขึ้นจอมคิรีศรี
อันทางราบที่จะไปนั้นไม่มีช่องวิถีแสนสุดกันดารเดิน
ที่ทางไปหนองหานด่านสนมนั้นเชียงสามาระดมบนเขาเขิน
ทำค่ายขั้นกั้นทางไว้กลางเนินพลประมาณหมื่นเกินสักสามพัน
ไม่ใกล้ไกลไปจากช่องเข้าสารระยะย่ายสามคืนที่เดินขยัน
ข้างช่องซ้ายมรคาอีกห้าวันชื่อด่านนั้นคำกีลงเป็นทางจร
ราชวงศ์ยกลงไปรักษาคัดศิลาทับทางวางสลอน
ทหารหมื่นหกพันกันนครประจำนอนอยู่บนเนินคิรีวัน
แต่นั้นไปนับได้สิบเอ็ดหลับถึงด่านซ้ายเขาคับเป็นด่านขัน
พวกเชียงใต้รักษาอยู่ห้าพันหนทางนั้นดงชัฏที่ลัดลง
จะเดินอ้อมเขาไปนั้นไกลนักไม่รู้จักเดินเคยก็เลยหลง
ช่องเข้าสารด่านนี้เป็นที่ตรงแต่มั่นคงด้วยพยุหโยธี
แล้วเจ้าเวียงแจงจัดดำรัสไว้ว่าทัพไทยตีด่านเราซานหนี
จะโจนของล่องลงในนัทีให้สุดสิ้นชีวีในคงคา
แม้นพระองค์ทรงตีเอาด่านได้แล้วเสด็จไปชมเวียงให้สุขา
ไม่ลำบากยากใจแก่โยธาตามแต่จะปรารถนาทุกสิ่งอัน
แต่กองทัพพระเสด็จดำเนินมาพวกโยธาเรืองแรงล้วนแข็งขัน
ทั้งหน้าหนุนพร้อมเสร็จสักเจ็ดพันข้อยหวาดหวั่นเห็นน้อยจะเหลือแรง
อันเวียงจันท์ไพร่พลเอนกนับทั้งกองแก้วเข้ากำกับก็เข้มแข็ง
ทั้งลาวญวนพุงดำซ้ำเป็นแรงแล้วจัดแจงสามารถด้วยศาสตรา
อันทางขึ้นด่านเขาก็แคบคับเห็นสุดฤทธิจะรับด้วยตรอกผา
เขาตั้งตับคอยยิงกลิ้งศิลาทั้งน้ำท่าที่นั้นก็กันดาร
ขอยกไว้ในเสด็จในศึกอื่นสักสิบหมื่นก็ไม่ตีเขาแตกฉาน
นี่แล้วแต่พระบรมสมภารก็สิ้นคำให้การลงทันใด
ทรงดำรัสตรัสถามตามสุนทรศรีรัตรกรบังคมไหว้
ลิขิตคำให้การแล้วอ่านไปไม่สงสัยทราบสิ้นทุกสิ่งอัน
แล้วทรงคิดที่จะยกเข้าตีด่านจะสิ้นเสียพลทหารเป็นแม่นมั่น
จะตั้งรอไว้พองามสักสามพันที่หนึ่งนั้นมีน้ำในลำธาร
เป็นบ้านร้างทางลงมาจากเขานามลำเนาส้มป่อยเป็นถิ่นฐาน
ทรงดำริแล้วดำรัสให้จัดการแต่งทหารทัพไทยพะม่ามอญ
ทั้งสามนายรีบยกไปตั้งมั่นชักปีกกาถึงกันอย่าย่อหย่อน
พวกไทยมอญพะม่าสถาวรประณมกรกราบถวายบังคมลา
พอได้ฤกษ์รีบยกตามรับสั่งคอยระวังทัพลาวบนเนินผา
ถึงตั้งค่ายรายลงริมคงคาชักปีกกาปิดน้ำในลำธาร
กองตระเวณเหณฑ์ลาวได้ข่าวทัพออกรบรับกั้นที่ริมห้วยละหาน
ครั้นแตกหนีขึ้นไปแจ้งแสดงการกับนายด่านแม่ทัพบนคิรี
อ้ายสุริยาอ้ายสุโพอ้าบหงวนคำเห็นได้ทีหมายทำให้ป่นปี้
คิดจะยกโยธาไปฆ่าตีจะฟันแทงดลที่ไม่ทั่วกัน
            

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น