วันเสาร์ที่ 14 พฤษภาคม พ.ศ. 2559

ນິຣາດວຽງຈັນ ຕອນ 4


เราจัดแจงกันให้พร้อมไปล้อมไว้จะจับไทยเล่นให้สุขเกษมสันต์
มัดแขนศอกเอามาเบิ่งหน้ามันแล้วส่งเมื้อเวียงจันท์ให้เจ้าเรา
ครั้นปรึกษาปรารภกันเสร็จสรรพก็ยกทัพเปิดทางลงหว่างเขา
ล้วนธงทิวพู่หอกเป็นดอกเลาทั้งม้าช้างย่างเหย่าเร่งเร็วมา
สุริยะแม่ทัพขึ้นเสลี่ยงสองข้างเคียงดาบกรายทั้งซ้ายขวา
อ้ายหงวนคำหนุนทัพสลับมาอ้ายสุโพทัพหน้าก็รีบจร
ไอยราห้าร้อยล้วนสับสนกระหึ่มมันกล้าชนไม่ย่นหย่อน
ตระหง่านเงื้อมภูผาเห็นงางอนล้วนผูกเขนอาภรณ์สง่างาม
เอาหอกซัดมัดปักไว้สองข้างคนกลางถือปืนยืนสนาม
คนคอของ้าวดูวาววามคนท้ายสายทามกระวินตี
พวกทัพม้าดาดาษออกกลาดป่าทั้งเบาะอานพานหน้าสลับสี
ปักหางมยุราเป็นท่าทีทหารขี่ควบขันกันเร็วมา
พวกทัพพลเดินเท้าราวกับมดทั้งดงแดนแน่นหมดออกมืดป่า
สรรพไปด้วยอาวุธอันนานามีเชือกยาวราววาทุกตัวคน
พอทัพหน้าถึงค่ายเข้ารายล้อมพวกทัพหลวงหุ้มห้อมเข้าสับสน
ออกถอนขวาดถอนหนามคำรามรณตั้งประจญประชิดเข้าติดพัน
พวกกองหลังตั้งติดปีกกาในเข้าชิงหนองน้ำไทยลงตั้งมั่น
ทั้งช้างมาดาล้อมอยู่พร้อมกันเป็นสามชั้นมิได้ว่างออกเคลื่อนคลาย
ทั้งไทยมอญพะม่าออกมารับเห็นศึกหุ้มทุ่มทับระส่ำระสาย
ทั้งเสียงคลองหนองน้ำจะซ้ำตายให้ระหายหิวโหยอยู่โรยแรง
เสียงไทยโห่มอญเห่พะม่าฮือสดับดังอู้อื้อด้วยคอแห้ง
พวกศึกลาวมีใจยิ่งได้แรงเร่งเข้าแย่งค่ายให้ยับจะจับคน
ทั้งไทยมอญพะม่าไม่ล่าถอยก็ยิงปืนใหญ่น้อยดังห่าฝน
บ้างล้มลุกคลุกคลานไม่ทานทนทั้งญวนวิ่งลาววนอยู่วุ่นวาย
บ้างแขนหักขาขาดลงกลาดกลิ้งบ้างล้มพิงพาดขอนลงนอนหงาย
บ้างถูกไม่สำคัญไม่ทันตายก็กระจายวุ่นวิ่งเป็นสิงคลี
เข้าโหมแหกสามหนก็ย่นยับจนรอบค่ายตายทับกันแต่ผี
ก็ตั้งมั่นประชิดเข้าติดตีทุกหน้าที่ล้อมปิดไว้มิดไทย
ทั้งเสียงพลเสียงปืนออกครื้นครั่นหมวันต์กัมปนาทหวาดไหว
ม้าเร็วรีบขับด้วยฉับไวเอาเหตุไปทูลฉลองที่หนองบัว
ครั้นทรงทราบเสร็จสั่งให้เกณฑ์ทัพเร่งจัดจับเข้ากระบวนให้ถ้วนทั่ว
ที่หาบคอนซ่อนไว้ไปแต่ตัวจนสุดสิ้นหนองบัวเร่งบอกกัน
ทรงจัดไว้ให้อยู่สักสามร้อยขึ้นหอคอยเฝ้าค่ายอย่าผายผัน
ระวังลาวอย่าให้ลัดมาตัดทันจงจัดกันลาดตระเวนทุกเวลา
พระยาพิชัยราชาเป็นแม่กองให้ตรึกตรองพิทักษ์อยู่รักษา
ครั้นสั่งเสร็จแล้วเสด็จยาตราสถิตหลังไอยราที่นั่งทรง
ได้ฤกษ์ดีตีฆ้องกลองสนั่นบันลือลั่นหิมวาป่าระหง
ท่าตาเกศเวทดีก็คลี่ธงจมณรงค์ยาตราพลากร
ออกชายทุ่งมุ่งป่าพนาเวศตามสังเกตทิวทางหว่างสิงขร
ก็ผ่านพบคนควบอัสดรนำศุภสุนทรมาทูลความ
ว่าทัพหน้าลาวล้อมไว้แน่นนักเข้าแหกหักถ้วนครบคำรบสาม
เห็นทัพหลวงหน่างช้าให้มาตามอันสงครามครั้งนี้เห็นสุดแรง
ในวันนี้ทัพช่วยไม่ถึงทันเห็นไม่ถึงสุริยันจะยอแสง
ทั้งข้าวน้ำไม่ได้กินก็สิ้นแรงจะคุมแข็งอยู่สักกึ่งทิวาวัน
ครั้นทราบเสร็จทรงเร่งไอยราให้บุกชัฏลัดป่าพนาสัณฑ์
หมู่พหลพลไกรไปไม่ทันก็คลาดกันหมวดกองกระจัดจาย
ที่เดินจัดตัดตามเสด็จทันไม่แข็งขันเมื่อยล้านั้นเหลือหลาย
เสียกระบวนป่วนแยกกันแพรกพรายด้วยทรงหมายว่าจะช่วยให้ทันที
ครั้นใกล้ค่ายพบลาวอยู่ราวป่าให้ฟันฝ่าเข้ากลางหว่างวิถี
ดำรัสเร่งโยธาเข้ายายีกระโจมตีเบิกทางเข้ากลางพล
พวกทัพลาวกลัดกลุ้มเข้าหุ้มไว้เร่งล้อมไทยตัดทางไว้กลางหน
บ้างไสช้างวางม้าเข้าผ่าพลอ้ายช้างเข็นแทงคนไม่ขามงา
ทหารขี่ตีท้ายแล้วปรายหอกทั้งในนอกกลุ้มกลัดสหัสสา
จอมณรงค์ทรงยืนพื้นสุธาคอยเลี่ยงหลีกหลบงาที่ร่มรัง
จัตุรงค์ร้อยเศษที่ตามไปทั้งนายไพร่มิได้ท้อจะถอยหลัง
เห็นงาช้างเสยสอยคอยระวังบ้างหลบบ้างเบนแทงทแยงยิง
ทั้งคนช้างต่างต้องศัสตราวุธอุตลุดวุ่นวายกระจายวิ่ง
บ้างซานซมล้มกลาดลงพาดพิงบ้างตายกลิ้งเกลื่อนกลุ้มประชุมกัน
ทั้งแปดทิศมิดมืดแต่คนช้างจะเรื่อรางก็แต่ช่องปล่องสวรรค์
พวกกองไทยถาโถมเข้าโจมฟันพวกลาวรับขับกันเข้าต่อตี
ดูกองไทยดุจไกรสรราชอันองอาจมิได้ท้อจะถอยหนี
เข้าฝ่าฝูงเถื่อนถึกมฤกคีดูท่าทีเผ่นโผนโจนทะยาน
บ้างหลีกหลบรบรับคอยกลับกลอกทั้งดาบหอกฟาดฟันกันฉาดฉาน
บ้างโจนแทงแฝงฟันประจัญบานบ้างรุกราญหลีกไล่กันในที
ทัพพระยาล่าหลงในดงชัฏเร่งตามตัดมรรคาพนาศรี
เห็นลาวล้อมจอมณรงค์ในพงพีได้ท่วงทีถาโถมเข้าโจมฟัน
ตลบหลังตั้งหน้าประดารบตีกระทบลาวป่วนอยู่หวนหัน
ไม่ทานทนย่นแยกออกแตกกันกระโดดดันแหกหักเข้าพงพี
ไปกลัดกลุ้มรุมแหกเอาค่ายหน้ามอญพม่าพร้อมจิตไม่คิดหนี
ออกฟันแทงแย้งยิงเป็นสิงคลีด้วยยินดีว่าเสด็จไปถึงทัน
แล้วทรงจัดคงคากระยาหารพระราชทานกองทัพล้วนสรรพสรรพ์
ยิ่งเข้มแข็งแรงฤทธิเข้าติดพันเพราะหมายมั่นทัพช่วยกระหนาบมา
พวกกองลาวเหลือฤทธิจะคิดแหกก็ย้ายแยกกองซ้ายและฝ่ายขวา
เอาทัพช้างกางซีกเป็นปีกกาจะห้อมหุ้มโยธาทั้งทัพไทย
ก็ทรงสั่งปีกซ้ายทนายขวาให้กางทานต้านหน้าอย่าหวั่นไหว
ทหารม้าพาพลลำพองใจเข้าลุยไล่ฟาดฟันประจัญบาน
ลาวรับไทยรุกเข้าบุกรบลาวหลบไทยไล่ด้วยใจหาญ
ลาวยิงไทยวิ่งเข้ารอนราญลาวแตกแซกซ่านเข้าพงพี
ข้างปีกซ้ายลาวตายลงซับซ้อนขยาดหย่อนเสียเชิงกระเจิงหนี
แล้วเนื่องหนุนโยธามาราวีเข้าต่อตีตัดทางออกกลางแปลง
ทัพไทยได้ชัยไม่ยั้งหยุดรีบรุดเข้าหักด้วยกำแหง
เป็นควันกลุ้มเมฆาในป่าแดงไม่แจ่มแจ้งมัวมืดเป็นเมฆี
ล้วนโลหิตติดไม้ลงไหลกองออกเนืองนองแดงดาษปัฐวี
อาศพกลาดดาษดงในพงพีบ้างทับยีเหยียบย่ำกันรอนราญ
ต้นเต็งรังพังล้มระดมดาษก็โค่นขาดราบรื่นด้วยปืนผลาญ
ละโล่งเลี่ยนเตียนพงในดงดานทุกห้วยธารโทรมทรุดชำรุดพัง
ศึกส้มป่อยฟั่นเฝือเหลือกำหนดจะจำจดสุดเล่ห์คะเนหวัง
แต่ฟันฝ่าอาวุธสุดกำลังเป็นศึกสั่งเวียงสิ้นฝีมือลาว
เฝ้ารบรับสัประยุทธ์จนสุดฤทธิเมื่อขุกคิดกัมปนาทอนาถหนาว
ด้วยข้องขัดลูกดินนั้นสิ้นคราวเอาหอกง้าวดาบดั้งเข้าราวี
ทั้งสองคืนสองวันประจันรบจนจวนพลบไทยแหกก็แตกหนี
เตลิดด่านซานขึ้นบนคิรีบ้างวิ่งเข้าพงพีกระจัดกระจาย
อนุแจ้งเหตุการณ์ว่าด่านเสียก็พาเมียจะไปสู่กระแสสาย
เสลี่ยงขาดพลาดล้มลงจมทรายนิมิตร้ายบอกเหตุมหัศจรรย์
ทั้งผ้าผ่อนล่อนลุ่ยไม่ติดตนก็เซ่อซนสิ้นสมประดีไม่มีขวัญ
ลงเกลือกกลิ้งนิ่งแน่อยู่แดยันอุระสั่นสิ้นทั้งวิญญา
เรียกอนงค์นุชน้องคำปล้องพี่ว่ามานี่มาเร็วพี่ร่ำหา
คำปล้องภู่คู่ใจครรไลคลาหวีดผวาเข้าประคองทั้งสองนาง
พยุงองค์ทรงยืนให้ยุรยาตรไปข้ามหาดลงท่านาวาขวาง
ให้เคืองแค้นคนหามไปตามทางสั่งให้ล้างคู่ท้ายเสียวายชนม์
แล้วเร่งรัดจัดทรัพย์สิ่งของทั้งเงินทองดื่นดาษไม่ขาดขน
ตำรวจรักษ์แจกปันทั้งพันคนสำหรับตนติดตามไปนาวา
กำหนดเงินคนละชั่งตั้งพิกัดบ้างซ้ำตัดทองเติมบ้างเพิ่มผ้า
บำรุงใจไปเป็นเพื่อนอาตมาครั้นเสร็จสั่งภริยายอดอนงค์
ทั้งสามร้อยน้อยแน่งนางสนิทที่ใช้ชิดคู่เชยเคยประสงค์
ว่าเวรกรรมจำเพาะมาเจาะจงจะจำจากเวียงวงนิเวศเรา
ผู้ใดมีวงศาคณาญาติเราให้ขาดเร่งมารับไปเถิดเจ้า
ที่นางไทยให้คืนถิ่นภูมิลำเนาไปตามเผ่าพงศ์ญาติที่กวาดมา
ทั้งเงินทองกองโกยเอากอบให้มากน้อยตามใจปรารถนา
ที่ไร้ญาติขาดมิตรไม่ติดมาเป็นกำพร้าเลือกไว้เอาไปตาม
ครั้นเสร็จสั่งวงศาประชาราษฎร์เร่งต้อนกวาดลงนาวาท่าสนาม
ที่ล้นเหลือไล่ส่งเข้าดงรามให้ยกตามทางบกเป็นหมวดกอง
ประมาณหมู่สัดจองที่ล่องตามสักพันลำลอยหลามแม่น้ำของ
ขอสำเร็จเสร็จสรรพทั้งเงินทองก็ทิ้งเมืองเลยล่องทางนัที
เมื่อศูนย์เสียเวียงจันท์นั้นเดือนหกเป็นปีกุนนพศกอนุหนี
ยกนิกรโยธาลงนาวีก็ตรงไปยังที่ท่าสีดา
ครั้นสงครามมีชัยได้ดังนึกพระจอมศึกทรงโสมนัสสา
ให้เตรียมตรวจหมวดหมู่พวกโยธาจะยกข้ามภูผาไปตามตี
ที่ป่วยไข้ให้คืนหนองอุบลรักษาตนตั้งทัพอยู่กับที่
แล้วหยุดยั้งรั้งแรมพวกโยธีอยู่เชิงชายคิรีริมคงคา
พี่แสนสุดชอกช้ำระกำกายดังจะวายวางชีพลงสังขาร์
แต่ทรมานอยู่บนอานอัศวราสามทิวามิได้เว้นสักโมงยาม
จนศึกไปได้ชัยชนะแล้วจึงเคลื่อนแคล้วจรดลพ้นสนาม
ก็ไม่วายหวาดพะวงในสงครามยังกริ่งเกรงว่าจะตามมาต่อตี
สู้อดกลั้นเวทนานั้นสาหัสถึงเจ็บขัดมาดหมายไม่หน่ายหนี
ขึ้นชื่อชายไม่เสียดายชีวีมีเมื่อถึงที่กองกรรมก็จำเป็น
แม้ยสุดฤทธิจิตพี่จะจากรักยุพาพักตร์จึงจะลับไม่แลเห็น
ถ้ากุศลช่วยชูให้อยู่เย็นไปปราบเข็ญแล้วคงพบประสบกัน
แล้วถอยทัพลงมารับอีกสองศึกอ้ายขอนแก่นโหมฮึกทำหุนหัน
เข้าล้อมค่ายหนองบัวอยู่พัวพันได้รบกันล่าหลบขึ้นคิรี
ก็ตรัสสั่งพระณรงคสงครามให้ยกเร่งรีบตามไอ้ลาวหนี
ไปทันทัพรบรับกันทันทีพวกไทยลาวตีแตกกระจายจร
ก็หยุดทัพกลับพวกจัตุรงค์ค่อยลัดลงตามทางข้างสิงขร
ถึงถวายบังคมประณมกรแสดงความตามที่รอนราญณรงค์
ครั้นศึกเสร็จแล้วเสด็จจรลีขึ้นข้ามด่านคิรีสูงระหง
ล้วนหินเลื่อมเหลืองพรายเป็นลายรงค์เงื้อมชะโงกโตรกตรงเป็นตรอกทาง
จำเพาะขึ้นจรดลได้คนเดียวจะเลี่ยงเลี้ยวหลีกลัดก็ขัดขวาง
พอช้างก้าวเท้าตรงให้ลงรางค่อยย้ายย่างคุกเท้าด้วยเข่าคลาน
เอางวงคว้าผากอดแล้วสอดท้าวค่อยโน้มน้าวหน่วงกิ่งพฤกษาสาร
จนสุดยอดยากแค้นแสนกันดารอันมีชื่อช่องเข้าสารเป็นเขื่อนเวียง
บนยอดเขาตั้งค่ายแล้วรายขวากต้องเดินบากเบี่ยงเท้าคอยก้าวเฉียง
ล้วนกองหินรอบค่ายอยู่รายเรียงค่อยลัดเลี่ยงเลี้ยวเลียบคิรีจร
ลงหลังเขาค่ายมีอีกสี่ด้านระยะย่านต่อตั้งทัพสิงขร
เห็นแถวทัพลาวทำประจำนอนจนเต็มดอนพิศดูน่าอัศจรรย์
เห็นแต่ค่ายผู้คนเที่ยวซนหนีเพราะเสียทีแตกทัพอันคับขัน
จะรอรับกลับตัวกลัวไม่ทันเตลิดเลยเวียงจันท์กระจัดจาย
ดูคิรีที่ขันดังเขื่อนเพชรน่าขามเข็ดคิดไปก็ใจหาย
ไม่ควรทิ้งนัคราน่าเสียดายด่านทลายศึกจะเลยเข้าเกยวัง
หัวจุกลาวคราวนี้เป็นที่มาดจะแคล้วคลาดมือไทยอย่าได้หวัง
ต้องบุกป่าผ่ารกอกแทบพังให้แค้นคั่งเดือดดาลทะยานใจ
แล้วรีบจรข้ามดอนโดยวิถีลงจากที่โขดเขินเนินไศล
ถึงสถานบ้านแถวอยู่แนวไพรเป็นย่านใหญ่เยิ่นยาวอยู่ราวทาง
ที่ทุ่งนาท่าน้ำลำละหานปลสะอ้านดูสะอาดดังกวาดถาง
เห็นแต่ราวตากผ้าที่ท่านางเป็นบ้านร้างเรือนเย็นไม่เห็นคน
พระสุริยนยอแสงสนธเยศเสนาะเสียงมยุเรศในไพรสณฑ์
วิเวกแว่ววาบทรวงดวงกมลระเหหนหาที่จะนิทรา
ถึงบ้านเมดอาวาสสะอาดเอี่ยมดูราบเลี่ยมรื่นรุกขสาขา
จอมณรงค์ทรงประทับบนพลับพลาประชุมชาวโยธาสถิตนอน
ครั้นหิรัญรุ่งสางสว่างภพกระจ่างจบหิมเวศเขตสิงขร
สะพรั่งพร้อมโยธาพลากรทุเรศร้อนรีบยกซึ่งโยธี
ให้ลัดทางลงหว่างจังหวัดบ้านล้วนถิ่นฐานรายเรียงเคียงวิถี
พฤกษาสวนนานาบรรดามีออกกลาดกลางทางที่จะลีลา
พวกกองทัพเปรี้ยวหวานนั้นพานโซก็เผ่นโผป่ายปีนขึ้นพฤกษา
บ้างฟันกิ่งชิงกันเข้าเก็บมาบ้างรั้งราโก่นถางลงวางดิน
ที่เรือนเหย้าเผาจุดแล้วรื้อแย่งบ้างฟันแทงสักสับหาทรัพย์สิน
ทั้งยุ้งฉางล้างล้มลงจมดินให้ช้างกินอาหารสำราญใจ
แล้วจากจรร้อนรีบจรลีถึงถิ่นที่นามบ้านชื่อพานไฝ
เป็นหลุมลุ่มลาดขวางหนทางไปสะพานใหญ่ยาวเยิ่นเกินประมาณ
ระยะห้องหกร้อยห้าสิบหกถึงตีนตกข้ามน้ำลำละหาน
ดูราบรื่นพื้นพาดลาดกระดานที่กลางย่านมีที่สำนักพล
แต่โดยยาวเก้าร้อยกับสามวาดูยืดยังมรคาพนาสณฑ์
ท่านสร้างไว้ให้เดินดำเนินคนอนุสนธิ์สืบแจ้งแสดงความ
เจ้าของสร้างหัวคูอยู่ที่วัดเมตตาสัตว์เดินทางกลางสนาม
ต้องลุยหลุ่มจมลาดไม่ขาดยามผู้ใดข้ามยากแค้นแสนกันดาร
จึงชวนชัดพรรคพวกพระสงฆ์ศิษย์เข้าพร้อมคิดกันสิ้นทั้งถิ่นฐาน
จำหน่ยทรัพย์สินจ้างสร้างสะพานก็สมการปรารถนาอยู่ถาวร
แต่ไอยราพาชีต้องขี่ข้ามลงลุยตามเต็มพรั่นขยั่นหยอน
บ้างติดหล่มจมเลนระเนนนอนจนถึงดอนแสนสุดกันดารเดิน
พวกโยธาพากันขึ้นลินลาศสะพานพาดสูงทรงระหงเหิน
ละโล่งลิ่วทิวแถวแนวดำเนินที่ร้อนแดดรีบเดินไปพักดอน
ครั้นขึ้นพร้อมไอยราและพาชีพวกโยธีคั่งคับสลับสลอน
ตั้งกระบวนด่วนเดินดำเนินจรพี่อาวรณ์พิศวงอยู่องค์เดียว
เห็นถิ่นฐานด้านดาษไม่ขาดบ้านน่าสำราญคิดไปก็ใจเสียว
ละม้ายแม้นกรุงศรีอย่างนี้เจียวเสียดายเปลี่ยวเปล่าเย็นไม่เห็นคน
ที่เขตแดนดูงามไปตามเพศยิ่งประเทศตำแหน่งทุกแห่งหน
มาก่อกรรมคิดการบันดาลดลให้ไพร่พลพลัดพรายกระจายจร
ดูบ้านพลับน่าเพลินจำเริญจิตถิ่นสถิตอยู่ในกลางหว่างสิงขร
ล้วนเรือนรั้วดื่นดาษไม่ขาดตอนออกซับซ้อนดูสายนัยนา
ระยะทางมีที่ตำแหน่งพักทุกสำนักห้วยธารละหานผา
ที่รื่นร่มริมฝั่งตั้งศาลาไว้พักพวกโยธาที่เดินทาง
เมื่อยามยลถิ่นฐานสำราญจิตแล้วเสียวคิดเตรียมตรมอารมณ์หมาง
เหมือนอกเรียมมานิราศสวาทวางเห็นบ้านร้างดุจเรื่องอันเดียวกัน
รัญจวนพลางทางขับไอยเรศให้ประเวศในระวางพลขันธ์

=============



ກໍລ່ວງເລີຍບ້ານບາງທາງອະຣັນ
(ລ່ວງເລີຍບ້ານທາງອະຣັນ ຄືບ້ານປ່າຂາດອນ)
ກໍລຸເຖິງຄົງຄາຊະລາຂຽວ
(ກໍມາຮອດແຄມນໍ້າຄົງຄາສີຂຽວ @ ເຈົ້າທັບ ຮຽກແມ່ຂອງວ່າຄົງຄາ)
ອັນໄຫຼລົບແກ້ງເກາະເຊາະກະເຊັນ
(ເຊິ່ງໄຫຼ່ລ່ອງຟອງຟົ້ງຟາດເລາະລຽບແກ້ງ ເກາະດອນ)

ພໍສາຍັນສຸຣິຍະນະຣະຍັບເຢັນ
(ໃນເວລາສາຍັນ ຄືຍາມຕາເວັນຄ້ອຍແລງ)
ແມ່ນໍ້າຂອງລ່ອງລ້ຽວພໍແລເຫັນ
(ເຫັນແມ່ນໍ້າຂອງລ່ອງຄົດລ້ຽວ)
ມັດສາເຕັ້ນໂດດຕາມຊະໂລທອນ
(ເຫັນປາເຕັ້ນກະໂດດຕາມວັງນໍ້າ "ຊະໂຣທຣ ແປວ່າແມ່ນໍ້າ ວັງນ້ຳ ຫ້ວງນນ້ຳ)
ກຸມພີພານລອຍລ່ອງທ້ອງສະໝຸດ
("ກຸມພີ ແປວ່າແຂ້" ມີພວກແຂ້ລອຍລ່ອງຕາມແມ່ນໍ້າ "ເຈົ້າທັບວ່າ ທ້ອງສະໝຸດ)ຂຶ້ນດຳຜຸດວ່າຍວຽນສຽນສະລອນ
(ພວກແຂ້ລອຍນໍ້າຜຸດຫົວດຳຊະລອນຊໍາຊ້ອນກັນຫຼວງຫຼາຍ)
ພວກລາຫູຊູຫາງຂຶ້ນຂວາງນອນ
(ຣາຫູ "ອັນນີ້ຄົງຈະໝາຍເຖິງປາຝາຫາງ" ຊູຫາງຂຶ້ນຂວາງນອນ)



ບົນສັນດອນເຊີງລາດທີ່ຫາດຊາຍ
(ຕາມສັນ ຫຼືຫາດຊາຍລຽບແຄມນໍ້າ ເອົາແຕ່ຫາງຂື້ນມາ)


ນັດທີກວ້າງວ້າງເວີ້ງລະເລີງລິ່ວ
(ແມ່ນໍ້າໃຫຍ່ກວ້າງຟອງເຟືອນຟາດດັງສະໜັ່ນຍາວໄກ)
ລະເມາະໝູ່ວັງວຽງນັ້ນລຽງລາຍ
(ມອງເຫັນວັງວຽງມາດມາຍສະຫຼັບກັບຕົ້ນໄມ້ເປັນຍ່ານ)


ພໍເຫັນທິວໄມ້ບ້ານປະມານໝາຍ
(ພໍເຫັນທິວໄມ້ ຫຼືປາຍໄມ້ສຸດສາຍຕາ ຕາມກະປະມານມອງເຫັນ)

ຢູ່ຟາກຝ່າຍບູຣະພາທີ່ທານີ
(ຢູ່ຝັ່ງຕາເວັນອອກຂອງພະນະຄອນ)
ພວກ ທັບໄທຍ໌ເຖິງຝັ່ງປະຈິມທິດ
(ກອງທັບໄທຍ໌ມາເຖິງວຽງຈັນທິດຕາເວັນຕົກ)

ພໍມືດມິດສິ້ນແສງພຣະສຸຣິຍ໌ສຣີ
(ແສງພຣະອາທິດກໍມືດມິດ)

ກໍຢຸດຢັ້ງຣັ້ງແຮມເຊິ່ງໂຍທີ
(ກໍຢຸດໂຍທາພັກແຮມ ນະທີ່ນັ້ນ)
ປະທັບທີ່ທ່າບໍ່ຕຳບົນບາງ
(ປະທັບ "ພັກທີ່" ຕາແສງທ່າບໍ່)
ມີສາລາພົນພັກສຳນັກນໍ້າ
(ມີສາລາພັກໄພ່ພົນທ່ານໍ້າ)
ອະນຸທຳໄວ້ທີ່ຝັ່ງແລ້ວຕັ້ງສາ
(ພຣະເຈົ້າອະນຸວົງສ້າງໄວ້ເປັນສາງທີ່ຝັ່ງ
สำหรับข้ามคงคาเป็นท่าทางที่ขึ้นช้างเกยตั้งบนฝั่งชล
สถานที่โล่งเลี่ยนเตียนสะอาดอยู่ชิดหาดชายไม้ที่ไพรสณฑ์
พวกกองทัพบันเทิงสำเริงรณทุกตัวตนเหิมใจจะไปเวียง
ครั้นจวบแจ้งแสงสนธโยบาตฆ้องพิฆาตแข่งขานประสานเสียง
ทั้งโกร่งเกราะเคาะฟังดังสำเนียงดาราเรียงร่อเขายุคุนธร
แสงสุวรรณพรรณรายกระจายแจ้งทั้งเหลืองแดงแลเลื่อมประภัสสร
พลพรั่งพร้อมกระบวนจะจวนจรคเชนทรเข้าประทับกับเกยทรง
รับเสด็จเสด็จโดยสถลมารดให้เคลื่อนคลาดจากท่าชลาสรง
พวกช้างดั้งออกเดินดำเนินธงจัตุรงค์ร่าเริงบันเทิงใจ
ลงข้ามน้ำลำโขงแล้วหมายมุ่งไปตามทุ่งเลียบท่าชลาไหล
ล้วนบ้านเรือนเรียงรันเป็นชั้นไปในหมู่ไม้ทิวแถวที่แนวชล
            

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น