พฤกษาชาติดาษดื่นเป็นพื้นร่ม | | ดูระดมสุกงามเมื่อยามผล |
ด้วยเรือนร้างว่างขาดนิราศคน | | ระบุหล่นดื่นดาษลงกลาดดิน |
พวกเดินทางพลางเก็บผลาหาร | | อันเปรี้ยวหวานโดยนิยมสมถวิล |
บ้างหาบห่อพอควรจะยวนยิน | | บ้างหยุดกินชื่นบานสำราญใจ |
พระสุริยงเที่ยงถึงกึ่งทวีป | | ก็เร่งรีบไปยังท่าชลาไหล |
ตำแหน่งบ้านพรานพร้าวพวกลาวใน | | เป็นย่านใหญ่เยิ่นยาวสักคราววัน |
พอตรงเวียงเห็นวังที่ฝั่งข้าม | | วิเศษงามเพราเพริดดูเฉิดฉัน |
ทองระยับจับแสงพระสุริยัน | | ที่หน้าบันช่อฟ้าบราลี |
เสด็จจากพระที่นั่งไอยเรศ | | ถึงนิเวศเวียงท่าชลาศรี |
ให้จัดพวกโยธาลงนาวี | | จะเร่งข้ามวารีให้รีบจร |
เสด็จลงทรงเรืออุปราช | | งามประหลาดแลเลื่อมประภัสสร |
ที่ทำลายรจนากันยางอน | | ทั้งหน้าท้ายเข้าร้อนไปกลางชล |
ถึงฝั่งฟากวังเวียงเคียงประทับ | | ทรงสดับทูลแสดงแจ้งนุสนธิ์ |
ว่าเจ้าเวียงยกหนีไม่มีคน | | จรดลสุดแดนพนาดร |
ประชาราษฎร์ครอบครัวก็กลัวหนี | | เที่ยวแตกเข้าไพรศรีและสิงขร |
ล้วนเรือนร้างว่างเว้นเย็นนคร | | เที่ยวซนซ่อนพรายพลัดกระจัดจาย |
เสด็จพักที่ตำหนักชลมาศ | | อันโอภาสดูงามอร่ามฉาย |
บรรจถรณ์แท่นพนักจำหลักลาย | | ฉากระบายบังนางอยู่ข้างใน |
เป็นที่เคยของนุสำราญร้อน | | ชวนสมรมิ่งมิตรพิสมัย |
ลอยกระทงลงเล่นชลาลัย | | สนามในน้ำของไม่ขาดปี |
เมื่อจะสุขเห็นจะแสนสำราญนัก | | ก็ประจักษ์นัยนาแต่ท่าที่ |
ทั้งโรมริมคบคาศาลารี | | ถนนสี่กั๊กเกี่ยวตลอดกัน |
เมืองประมาณด้านยาวสักร้อยเศษ | | ถึงคันคูสุดเขตในเขื่อนขัณฑ์ |
มีค่ายล้อมป้อมเคียงอยู่เรียงรัน | | เป็นสองชั้นเชิงเทินที่เดินพล |
ถ้าตั้งรับกับเมืองก็เต็มมุ่ง | | จะติดตามข้ามคุ้งก็ขัดสน |
กระสุนใหญ่สุดยั้งเป็นกังวล | | จรดลยากแค้นแสนกันดาร |
แต่ทัพหมื่นเต็มหมายทำลายลุ | | จะมุ่งมุสามารถเข้าอาจหาญ |
หลลาวเหลือล้นพ้นประมาณ | | ถ้าต่อต้านเต็มคิดจะติดตี |
นี่หากฤทธิ์จอมณรงค์อันทรงเดช | | ไปปราบเข็ญเย็นเกศทั้งกรุงศรี |
ให้ศึกเกรงศักดาไม่ราวี | | ปลาตหนีเวียงวังไปทั้งนวล |
พี่นั่งนึกตรึกตรมอารมณ์ร้อน | | ยิ่งอาวรณ์มิได้วายกระหายหวน |
เห็นนิเวศเวียงจันท์ยิ่งรัญจวน | | คะนึงนวลนุชหน่ายเสน่ห์นาน |
ดูวงวังดุจดังถิ่นสถิต | | ไม่เพี้ยนผิดนัคเรศเขตสถาน |
ยิ่งเปล่าเปลี่ยวเหลียวแลอยู่แดดาน | | อุระปานเปี่ยมปิ่มทำลายวาย |
พอเสร็จเรื่องบริรักษ์ตำหนักชล | | จรดลจากท่าชลาสาย |
สะพรั่งพร้อมหมูพหลพลนิกาย | | จำนงหมายนัคเรศทวารา |
ล่วงทวารด่านโดยทักษิณทิศ | | พี่เปลี่ยวจิตเปล่าใจอาลัยหา |
งามสถานปานศรีอยุธยา | | ช่างเทียบทำทีท่าไม่ผิดทรง |
ลุถนนดลโรงอัศวเรศ | | มีหอลอยคอยเหตุสูงระหง |
เป็นสามชั้นกลองชัยอยู่ในกรง | | ล้วนบรรจงเงื้อมงามอร่ามตา |
มีตึกดินทิมดาบขนาบข้าง | | ศาลาใหญ่ให้ขุนนางนั่งปรึกษา |
ทั้งโรงรถโรงคชไอยรา | | เป็นสง่าตามแถวอยู่แนวทาง |
มีโรงศักดิ์โรงแสงตำแหน่งที่ | | ทั้งโรงสารบัญชีอันกว้างขวาง |
อีกโรงพิจารณาศาลากลาง | | ทั้งสองข้ามแถวทิมอยู่ริมวัง |
มีโรงปืนหน้าป้อมล้อมนิเวศ | | จนรอบเขตซ้ายขวาและหน้าหลัง |
ที่วงในล้วนแล้วแต่แถวคลัง | | เป็นตึกตั้งรายเรียงอยู่เคียงกัน |
มีโรงโขนใหญ่เยี่ยมเอี่ยมสะอาด | | งามประหลาดน่าชมดูคมสัน |
มีรอกร้อยห้อยเหาะเห็นเหมาะครัน | | เป็นจักรผันเลี้ยวไล่กันไปมา |
มีอาวาสลาดล้วนศิลาเลี่ยน | | ช่อวิเชียรวาววามพระเวหา |
หางหงส์ยอดลำยองล้วนทองทา | | รจนาด้วยสุวรรณอันบรรจง |
มีมณฑปอันประดับวิเชียรรัตน์ | | กระจ่างจัดฉ้อช้อยลอยระหง |
งามสมทรงสมตรวจทั้งทรวดทรง | | เป็นวัดวงในเขตนิเวศวัง |
ทรงสำนักพักหน้าอุโบสถ | | เป็นราบหลั่นชั้นลดนอกผนัง |
ก็ตรัสสั่งให้พระยารักษาคลัง | | แล้วเสร็จยั้งหยุดพักพวกโยธี |
พี่ลัดเลี้ยวเที่ยวชมแถวสถาน | | แสนสำราญรื่นเริงบันเทองศรี |
สารพันเสร็จสรรพสำหรับมี | | ตำแหน่งที่จักพรรดิกษัตรา |
ไฉนหนอยังควรมาคิดร้าย | | ไม่ว่างวายที่อำนาจปรารถนา |
ให้เสื่อมสูญเวียงจันท์สวรรยา | | อนิจจาจนวิบัติกำจัดจร |
เพราะหมายมุ่งอยุธยามหาสถาน | | ประกอบการมุ่นมุเห็นลุถอน |
ไม่สมหมายตายยับเป็นสับบอน | | ทิ้งนครไปท่าสีดาดง |
แล้วเดินเลยล่วงทวารในนิเวศ | | ตามสังเกตจงจิตคิดประสงค์ |
ถึงเกยรถเกยคชสารทรง | | อันหยัดยงคู่เคียงอยู่เรียงราย |
ท้องพระโรงที่แท่นสุวรรณรัตน์ | | เศวตฉัตรห้าชั้นอันเฉิดฉาย |
กำพูพื้นแดงฉันสุวรรณพราย | | งามระบายขามขำดูอำไพ |
ตำแหน่งนอกมีที่นั่งสำราญร้อน | | ที่นั่งสนามศศิธรอันสุกใส |
พี่เที่ยวชมชื่นบานสำราญใจ | | แล้วตรงไปเข้าสู่ที่ไสยา |
เป็นหลายชั้นหลั่นลดจนเลยหลง | | ล้วนบรรจงวาดเขียนอันเรขา |
กระจกซุ้มกลุ้มกลาดสะอาดตา | | โคมระย้าแสงระยับสลับกัน |
ในตึกกลางแห่งนางอนงค์นาฏ | | มีที่ลาดไสยาทำฝาคั่น |
เป็นคู่คู่เคียงเคียงอยู่เรียงรัน | | กระแจะจันทน์หอมหวนรำจวนใจ |
เหมือนคนหิวอาหารได้พานรส | | พอจิบจดซาบซ่านสะท้านไหว |
ด้วยนาสาปรากฏกำหนดใน | | ให้สงสัยค้นห้องไม่หายแคลง |
จนสุดสิ้นเรือนหลวงทั้งหกหลัง | | พะวงหวังมิได้วายหายแสวง |
ไม่พานพบสบสมรยิ่งร้อนแรง | | กลิ่นแสลงเข้าสลับจับกมล |
แล้วเลยลงทางสวนมาลีเลี้ยว | | ประพาสเที่ยวในตำแหน่งทุกแห่งหน |
เห็นเรือนางกัลยาดูน่ายล | | เป็นท่องแถวแนวถนนกระหนาบกลาง |
ล้วนรุกขาน่าชมดูร่มรื่น | | ที่ภูมิพื้นรายเรียงเคียงกระถาง |
มีสระโศกเคียงสนอยู่ต้นทาง | | ทำแท่นวางไว้ประทับสำหรับทรง |
ประชุมชวนนวลนุชสุดสวาท | | เลือกประพาสตามจิตคิดประสงค์ |
ที่เอวบางร่างรัดสันทัดทรง | | ล้วนอนงค์นางฟ้อนชะอ้อนนวล |
ทั้งสามร้อยกลอยแก่ไม่อิ่มหนำ | | ยังโลภทำทุจริตให้ผิดผวน |
จนเสียเมืองเคืองแค้นไปแดนญวน | | ไม่ข้อควรเลยมาคิดให้จิตตรม |
แต่สินทรัพย์นั้นจะนับสักหมื่นแสน | | ออกเนืองแน่นนัคราไม่สาสม |
มีเมืองขึ้นรอบประเทศเขตนิคม | | มาประณมน้อมกายถวายกร |
เป็นจอมจักรนัคเรษประเทศราช | | อันหมายมาดเมืองศุภอักษร |
ทุกแดนลาวเลื่องชื่อลือขจร | | สถาวรเรืองยศปรากฏนาม |
พี่แจ้งเรื่องแรมรักอัคเรศ | | กำหนดเหตุเค้าเงื่อนเมื่อเดือนสาม |
เป็นปีจอต่อกุนขุ่นสงคราม | | บังเกิดความเคืองแค้นทั้งแดนไตร |
ต้องกรีธาทัพจรไปรอนรบ | | กระจายจบเมื่อตอนสะท้อนไหว |
ไปลุยล้างเวียงจันท์เสียบรรลัย | | ระยำไปย่อยยับอัปรา |
ผู้เกิดหลังวังเวียงนั้นเลื่อนลับ | | ได้สดับแล้วก็ยังจะกังขา |
ดำเนินนามเวียงจันท์จำนรรจา | | ไม่แจ้งว่าเมืองบ้านสักปานใด |
จึงกำหนดไว้ที่นุชสุดสวาท | | เป็นนิราศแรมมิตรพิสมัย |
พอจดจำมรคาพนาลัย | | เป็นตราใจทุกสำนักลำเนาทาง |
แต่บทกลอนสอนทำไม่ชำนิ | | อย่าแต้มติไยไพให้ใจหมาง |
จงต่อเติมเพิ่มกลอนอักษรวาง | | ให้เรืองรางพริ้งเพราะเสนาะเอย ฯ |
| | | |
ขอบคุณหลายเด้อ ขออนุญาตเผยแพร่เด้อครับ
ตอบลบ