วันเสาร์ที่ 14 พฤษภาคม พ.ศ. 2559

ນິຣາດວຽງຈັນ ຕອນ 2

ตรัสสั่งทัพอุทัยให้ไปหน้าพอโยธาลับล่วงเข้าไพรศรีครั้นพร้อมเสร็จแล้วเสด็จจรลียกพยุหโยธีออกเดินทางข้ามแถวแนวเนินอรัญเวศถึงคันเขตสิทธิรงค์ห้วยขวางอันแนวน้ำนั้นเป็นลำพญากลางล้วนยูงยางชิดชัฏระบัดใบจำเพาะทางขึ้นหว่างยอดบรรพตค่อยเลี้ยวลดพุ่มพงดงไสวเสียงชะนีเรื่อยร้องอยู่ก้องไพรกันแสงไห้โหยหาถึงสามีฝ่ายเรียมก็แต่เกรียมกรมเทวษแสนทุเรษแรมไพรพนาศรีโอ้ว่าสัตว์ในพนัสพนาลียังรู้มีมิตรจิตเจตนาเหมือนอกเรียมแรมร้างนิราศรักก็ตั้งพักตร์คอยเพื่อนเสนหาไม่ว่างเว้นวันถวิลจินตนาดุจตราตีประทับไว้กับทรวงคะนึงพลางทางทัศนานกหมู่วิหคร่อนร้องบนเขาหลวงประหลาดหลากปีกหางเป็นด่างดวงบ้างหม่นม่วงมากมายอยู่หลายพรรณเที่ยวพาเพื่อนจับไม้แล้วไซ้ขนบ้างเวียนวนเคล้าคู่แล้วคูขันนิจจาสัตว์ก็รู้จักว่ารักกันยิ่งกระสันเสียวคิดที่จิตตรมกระทั่งถึงธารท่าชลาสินธุ์ประเทศถิ่นแห่งนางลงสระผมมีแท่นขวางที่นางนิทรารมณ์เมื่อพิศชมร่างรอยปรากฏมีนี่นางใดใครหนอมาสระเกศหรือแรมร้างนัคเรศบุรีศรีมาไสยาสน์เอองค์ในพงพีหรือจำจากสามีอยู่เมืองใดจึงเดินดงพงกว้างทางทุเรศจะสังเกตธานีบุรีไหนคะนึงนึกหน่ายแหนงยิ่งแคลงใจให้หลงใหลรอยร่างที่นางนอนแล้วเที่ยวทอดทัศนาที่ท่าแท่นก็มุ่งแม่นหมายพบสบสมรไม่เห็นแก้วแววตาพะงางอนดำเนินจรไปหนตำบลใดไม่ยลองค์หลงชมแต่บรรจถรณ์ทั้งรอยนอนรอยลงชลาไหลปรากฏชื่อโฉมนางไว้กลางไพรให้ปลื้มใจคนจรมาดอนดงพอสุดสิ้นมรรคาสาคเรศถึงเขาเขตหิมวาป่าระหงเป็นเขื่อนคันกั้นขวางอยู่กลางดงวิถีตรงขึ้นบนยอดบรรพตาพระสุริยงลงลับพยับศรีจึงพักพวกโยธีอยู่เพิงผาพวกนายกองเกณฑ์กันเป็นโกลาให้ล้อมวงซ้ายขวาและกองแลออกเดินตรวจเสียงเกราะเสนาะก้องบ้างตีฆ้องนั่งยามตามกระแสพลเบียดเยียดยัดกันอัดแอเสียงเซ็งแซ่ก้องป่าพนาดรฝ่ายพี่ขึ้นสถิตกระท่อมเถื่อนสันโดษเดียวเปลี่ยวเพื่อนสโมสรอนาถหนาวคราวดึกไม่นึกนอนทุเรศร้อนตรึกตรมอารมณ์รวนพระพายพัดพานพาสุมาเลศในท้องแถวหิมเวศตระหลบหวนสัมผัสพานาสายิ่งพาครวญเหมือนกลิ่นนวลเคยแนบอุราเรียงได้ชุ่มชื่นก็แต่พื้นบุปผชาตินุชนาฏมิได้ยลได้ยินเสียงเคยสนิทแนบน้องประคองเคียงไอ้ลาวเวียงก่อกรรมให้จำมากระเวนไพรขันทักระวังเถื่อนจนดาวเดือนคลาดคล้อยพระเวหาสกุณแก้วแว่วขันกระชั้นมาแสงนภาผ่องแผ้วในอัมพรน้ำค้างย้อยพร้อยพรมบุปผชาติดูหยัดหยาดเป็นละอองดังฟองฝนหมู่แมลงภู่ผึ้งออกอึงอลเที่ยวเวียนวนร่อนหาสุมาลีดุเหว่าร้องเร่งรถพระสุริเยศให้ประเวศเยี่ยมยอดคิรีศรีฝ่ายฝูงลิงค่างบ่างชะนีบ้างซิกซี้เย้าหยอกกันชมเชยพลช้างพลางผูกคเชนทร์มั่นด้วยสำคัญขึ้นเขาพังเหยครั้นกูบอานเสร็จสรรพประทับเกยกำหนดเคยรับเสด็จลีลาก็ล่วงขึ่นเขาเขินเนินสิงขรบทจรแสนยากสหัสสาเป็นตรอกน้อยจุรอยไอยราค่อยเลาะเลียบไหล่ผาไปตามเนินกุญชรเหนี่ยวพฤกษาเข้าคว้ามั่นด้วยตัวสั่นกลัวตกระหกระเหินที่ผาชันก็ต้องเทาเอาเข่าเดินบนเขาเขินคอยแลจนลิบตาครั้นถึงยอดคิรีเป็นที่รื่นในแผ่นพื้นเรียบราบเป็นหนักหนาล้วนเต็งรังเรียงร่มมรรคานานารุกขชาติประหลาดพรรณประชุมช่อต่อก้านกิ่งระยับบางกลีบกลับสู้แสงพระสุริย์ฉันที่ต่างสีซ้อนซับสลับกันพี่ยลพลางทางหวั่นประวิงใจโอ้เจ้าเยาวพาแม้นมาด้วยจะรื่นรวยพิศวงหลงใหลจะเลือกเก็บบุปผาสุมาลัยมาร้อยกรองสวมใส่ทั้งสองกรสาวหยุดย้อยห้วยพวงระย้าพุ่มล้วนกลิ่นกลุ้มเสาวคนธเกสรจะร้อยเรียงเคียงวางไว้ข้างนอนให้ขจรกลั่วกลิ่นทั้งอินทรีย์พิกุลแก้วกรรณิการ์มหาหงส์ไม้แดงดงดูดาษประหลาดสีจะทำบุหงาผ้าที่อย่างดีเอาห่อดอกมาลีเข้าทัดกรรณทั้งพะยอมหอมหวนลำดวนดาษพุทธชาติสุกรมนมสวรรค์มลุลีกระดังงาสารพันจะจัดสรรค์ให้เจ้าอบสไบทรงนี่สุดจนคนเดียวสันโดษดิ้นแสนถวิลอยู่ที่ในไพรระหงคะนึงน้องเช้าเย็นเหมือนเห็นองค์ละเลิงหลงปรากฏในดวงใจรัญจวนพลางทางเร่งคชาช้างให้เหย่าย่างข้ามธารละหานไหลละเลาะเลียบมรคาพนาลัยก็ตรงไปท่าสะอาดสำนักชลเป็นน้ำเปี่ยมห้วงหินระรินไหลกระเซ็นใสเย็นฉ่ำดังน้ำฝนมัจฉาเล็มไคลหินเที่ยวกินวนเมื่อพี่ยลก็เหมือนอย่างในอ่างปลาประทับแรมแล้วก็เลื่อนจัตุรงค์เข้าดอนดงข้ามธารละหานผาครั้นเย็นรอนอ่อนแสงพระสุริยาที่มรรคามืดคลุ้มชอุ่มไพรหมายประทับหน่ยงแหย่งตำแหน่งน้ำดำเนินนำมรรคาถึงอาศัยก็พักพลหยุดยั้งระวังไพรจะจวบใกล้นครราชสิมาครั้นรุ่งรางสางแสงพระสุริยนแล้วจรดลตามเนินเชิงเผินผาพอรอนรอนอ่อนแสงพระสุริยาถึงแถวท่าบึงมะเลิงเห็นเรือนเรียงพวกครอบครัวกลัวลาวไปแอบซุ่มออกเกลื่อนกลุ้มอื้ออึงคะนึงเสียงให้เกณฑ์กันสืบข่าวอ้ายลาวเวียงคอยม่ายเมียงทางท่าจะราวีเห็นลาวน้อยไทยออกระดมฆ่าครั้นมากมาต้อนครัวเข้าไพรศรีพลลาวแตกตายลงหลายทีจนซากผีเกลื่อนกลุ้มที่ทางจรเสด็จถึงให้ประทับที่ชายป่าพวกนายครัวออกมาหมอบสลอนต่างสำราญวิญญาสถาวรประณมกรคิดการราญณรงค์ข่าวตระหนักถึงอนุก็ยกหนีให้จุดเผาบุรีเป็นผุยผงแล้วขับพลช้างมาไปทางตรงไม่แวะวงรีบรัดเร่งตัดไพรทรงทราบเสร็จแล้วเสด็จดำเนินจรพวกครัวตามข้ามดอนดูไสวทั้งเกวียนต่างช้างมาก็คลาไคลที่หาบคอนต้อนไล่กันจรลีถึงถิ่นฐานบ้านใครเคยสำนักก็พร้อมพักตร์ปรีดิ์เปรมเกษมศรีขึ้นสิงสู่เคหาไม่ราคีอันเป็นที่เก่าเกิดกำเนิดตนเสด็จจวบจวนเย็นก็หยุดพักที่สำนักนาเกลืออยู่กลางหนเป็นเวิ้งทุ่งขาดย่านที่บ้านคนหมู่พหลเลื่อยล้ามาไม่ทันให้หยุดยั้งรั้งแรมซึ่งโยธีประทับที่ชายป่าพนาสัณฑ์จนรุ่งรางส่างศรีรวีวรรณก็ยกพวกพลขันธ์ออกลินลาไปตามแถวแนวย่านบ้านประเทศนิคมเขตแว่นแคว้นดูแน่นหนาล่วงตำบลพ้นย่านบ้านพุทราถึงคงคาห้วยขวางอยู่กลางดอนเป็นน้ำแซะทรายใสค่อยไหลรินลงอาบกินเป็นสุขสโมสรจึงพักพวกโยธาพลากรประทับร้อยอยู่ที่ร่มสำราญใจในอาวาสวงวัดที่ห่างบ้านเป็นสถานถิ่นท่าเข้าอาศัยครั้นบ่ายแสงสุริยาก็คลาไคลเข้ากรุงไกรนครราชสิมาเมืองดูขอบคันมั่นคงเป็นเขื่อนเขตทุกประเทศกล่าวชื่อก็ลือเลื่องทั้งว่านยาอาคมก็รุ่งเรืองไม่ควรเคืองข้าศึกมายายีกำแพงรอบขอบเมืองเสมาตั้งดูขึงขังเป็นสง่าราศีหอรบรอบขอบเนินเชิงเทินมีบนหน้าที่ป้อมปืนขึ้นยืนยันเรือนบ้านแต่ล้วนตึกระดาดาษทั้งบริเวณอาวาสก็เฉิดฉันแลจำหลักลวดลายพรายสุวรรณที่หน้าบันครุฑบิดสุกรีบินเสียดายเมืองเสียศึกก็มัวหมองจนเข้าของย่อยยับทั้งทรัพย์สินไอ้ลาวแย่งยื้อขนลงปนดินแล้วฟันยับสับสิ้นทุกสิ่งอันแต่อาวาสของนรินทร์ปิ่นนเรศวร์อันประเวศสู่สถานพิมานสวรรค์ยังปรากฏงดงามอยู่ครามครันแต่ครั้งเสร็จทรงธรรม์อยู่ธานีทรงสร้างไว้เป็นทางพระนฤพานจึงบันดาลข้าศึกให้นึกหนีไม่สามารถอาจกล้ามายายีจึงเลี่ยงลี้ย่อยย่นไม่ทนทานพี่ครรไลไปเที่ยวที่อาวาสแล้วยุรยาตรเข้าไปในวิหารศิโรดมก้มเกศลงกราบกรานอธิษฐานขอเบื้องพระบารมีมาคุ้มครองข้าน้อยผู้รองบาทพระอำนาจเหนือเกศเกศีจะรบศึกครั้งใดให้ได้ทีอรินภัยยับยี่ด้วยศักดาแล้วอภิวันท์ครรไลไปสำนักพลับพลาพักตั้งอยู่ทะเลหญ้าสะพรั่งพร้อมจัตุรงคโยธาทรงปรึกษาที่จะตามไปตีเวียงถึงวันฤกษ์แล้วก็เลิกจัตุรงค์ดำเนินธงฆ้องลั่นสนั่นเสียงพลเหิมโห่ร้องก้องสำเนียงทหารแห่เดินเคียงเป็นคู่กันเสด็จจากเกยมาศราชศักดิ์ทรงจำลองคชลักษณ์อันเฉิดฉันข้างฝ่ายพี่ขึ้นขี่คเชนทร์พลันก็จรจรัลตามเสด็จไปกลางพลออกจากนครราชสิมาแล้วยาตราเข้าป่าพนาสณฑ์ไปตามแถวแนวย่านบ้านตำบลนิคมพ้นขอบเขตในธานีจนสุดบ้านด่านลำจากก็จวนค่ำสำนักน้ำอยู่ที่แนวพนาศรีพระสุริยงลงลับเหลี่ยมคิรีอุราพี่วังเวงวิเวกใจจะแลซ้ายเห็นชายละหานผาครั้นแลขวาก็แต่พุ่มพงไสวจึงรั้งทัพแรมทางอยู่กลางไพรให้กองไฟแสงสว่างกระจ่างดงพี่หวนจิตคิดมาน่าอนาถมาไสยาสน์อยู่ที่ในไพรระหงล้วนอาวุธรอบข้างกลางณรงค์รักษาองค์ไม่เป็นอันจะนิทราแต่ปล้ำปลุกอาดูรพูนเทวษชลเนตรนองแน่นในนาสาจะล่วงหลุดด่านแล้วนะแก้วตาจวนสิ้นเขตนัคราธานีนับวันแต่จะดั้นเข้าเดินป่าจะลิบลับอยุธยากรุงศรีโอ้พี่แสนโศกศัลย์พันทวีจนราตรีรุ่งสางสว่างดงช้างประทับรับเสด็จที่เกยมาศยุรยาตรเข้าในไพรระหงจำเพาะพักตร์บุรพาทิศาตรงที่นั่งทรงเดินทางไปกลางพลก็มุ่งไม้หมายเขาลำเนาน้ำจะใกล้ค่ำก็พยับโพยมหนเป็นเมฆหมอกออกมืดในอัมพลวิบัติฝนสาดซัดกระจัดกระจายลงถูกต้องกองทัพที่เดินหนลำบากตนมิได้ส่างสว่างหายเข้าตากพองไถ้แหกแตกกระจายไม่คิดอายแก้ผ้าทำหน้าจนแลตามมรรคาหน้าสังเวชเหมือนหนึ่งเปรตจะมารับส่วนกุศลแสนลำยากยากใจแก่ไพร่พลจนมัวมนท์มืดแสงพระสุริยาประทับที่โคกหลวงกำลังฝนระทมทนเหน็บหนาวเป็นหนักหนาออกเยือกเย็นเซ็นซ่าทั้งกายามีแต่กูบไอยราพอร่มกายในดอนดงมัวมืดไม่เห็นหนพายุฝนก็ไม่ส่างสว่างหายพวกกองทัพซานซมอยู่งมงายที่บ่าวนายกู่กันออกก้องไพร่อันแสนยากบอกใครจะเหมือนเข็ญถ้าแม้นเห็นก็จะสิ้นที่สงสัยหัวอกเรียมเกรียมกรมระทมใจจะว่าไปก็จะเนิ่นทิวานานครั้นหิรัญรุ่งรางสว่างหล้าก็พร้อมพวกโยธาล้วนทวยหาญเสด็จทรงไอยราคชาธารให้ขุนด่านนำเสด็จจรลีขึ้นดงลงโคกแล้วข้ามห้วยโกกกรวยเนินแถวแนววิถีพิศพรรณพฤกษาประดามีเป็นหลายอย่างต่างสีน่าพึงชมถึงฟากชลธาร์ชลาศรีตำแหน่งนามแม่ประชีโดยปฐมที่โล่งเลี่ยนถิ่นฐานสะอ้านลมก็ประทับแรมประทมที่ฝั่งชลพี่เที่ยวชมถิ่นลาวที่ริมฝั่งล้วนบ้านตั้งตามละเมาะในไพรสณฑ์แต่เรือนร้างเยือกเย็นไม่เห็นคนเที่ยวเดินด้นเข้าป่าพนาดรดูดูก็เป็นน่าสังเวชจิตแล้วเสียวคิดเหมือนพี่ร้างแรมสมรให้เปล่าเปลี่ยววิญญายิ่งอาวรณ์ก็จากจรขับคชสารมากำหนดหยุดสามเวรทั้งวันพักครั้นพร้อมพรักจัตุรงคแน่นหนาตั้งกระบวนพยุหบาตรออกยาตราลงข้ามฝั่งคงคาแล้วรีบจรเดินโดยมรรคาพนาเวศกำหนดเขตทางเขาในสิงขรพระสุริยาสายัณห์ลงรอนรอนทิชากรรีบเร่งเข้ารวงรังมฤคปีบเปิ่บร้องคะนองเถื่อนพยัคฆ์เลื่อนเลี้ยวลัดสกัดหลังสุกรเห็นเผ่นตรงเข้าดงรังพยัคฆ์ยังยุบยอบลงหมอบมองกระทิงเถื่อนเดินเที่ยวเล็มระบัดไม่พรากพลัดสมสู่เป็นคู่สองภาษาสัตว์ดูงามตามทำนองค่อยหยัดย่องเรียงรายอยู่ชายไพรที่เหล่าพรานคลานแอบเอาปืนแนะพอนกเฉะดังลั่นสนั่นไหวกระสุนโดดโลดกัดเข้าตัดใจก็บรรลัยเลยล้มระเนนนอนอนาถจิตพิศดูที่คู่ชื่นครั้นเสียงปืนกัมปนาทขยาดหยอนก็ทิ้งเพื่อนเอกาไม่อาวรณ์กระเจิงจรไปแต่ตัวด้วยกลัวภัยครั้นสุดดงลงทุ่งก็ถึงบ้านราตรีกาลจวบจวนปจุสมัยชื่อหนองจอกกว้างขวางอยู่กลางไพรรับสั่งให้หยุดพักสำนักพลลงแรมร้อนผ่อนแรงไอยเรศที่คันเขตหิมวาพนาสณฑ์ครั้นรุ่งรางส่างแสงพระสุริยนก็จรดลเลื่อนทัพออกเดินทางกองตระเวนเกณฑ์ซุ่มไปสืบข่าวก็พบลาวเล็ดลอดมาเขาขวางสิบห้าคนด้นมาในป่าซางมานั่งทางคอยทัพที่ยกจรทั้งไทยลาวลอบแลกันแต่ห่างที่ริมทางคนละฟากสิงขรได้ทียิงวิ่งรุกเข้ารบรอนตะลุมบอนกันในทางหว่างคิรีนายลาวถูกปืนถลาโลดไทยโดดจับจิกเอาเกศีเอาดาบฟาดขาดกลางอินทรีย์บ่าวหนีแตกพลัดกระจัดจายพอทัพหลวงเลยข้ามชลาสินธุ์ถึงแถวถิ่นสามหมอกำหนดหมายแต่บุราณเล่าต่อก่อนิยายกุมภีล์ร้ายสาหัสในนัทีพวกหมอเล่นสามคนก็ม้วยมุดเข้าฉวยฉุดคาบลงชลาศรีแล้วพาเข้าคูหาในวารีอันเป็นที่อาศัยอยู่ในชลอันนามนั้นจึงได้เรียกว่าสามหมอเขารู้ต่อมาแสดงแจ้งนุสนธิอนุตั้งสำนักไว้พักพลเมื่อจรดลมาเฝ้าอยู่อัตราในเวิ้งเขาเป็นห้วยละหานหินกระแสสินธุ์ไหลรบกระทบผาเป็นน้ำพุดุด้นชนศิลาออกฉานฉ่าซึมซาบลงอาบเย็นเมื่อยามร้อนก็ค่อยผ่อนบรรเทาทุกข์วิเศษสุขกายาประสาเข็ญด้วยคงคาไหลโลดโดดกระเด็นพี่แลเห็นคิดถึงคะนึงนวลแม้นได้น้องมาประคองเป็นคู่คิดจะเชยชิดชื่นชมภิรมย์หวนนี่เรียมเดียวว้าเหว่อยู่เรรวนแต่เปี่ยมป่วนปิ้มจิตจะจากกายแล้วเที่ยวชมภูผาชลาสินธุ์ไม่สุดสิ้นโศกเบาบรรเทาหายทำยินดีปรีดาประสาชายแต่ดวงจิตหมองหมายอยู่มัวมนท์ถึงกำหนดทัพหน้าก็คลาเคลื่อนละเลาะเลื่อนลับไม่ในไพรสณฑ์ทั้งช้างม้าเกลื่อนกลุ้มชุมนุมพลทัพหลวงจรดลออกเดินจรกำจัดจากที่พักสำนักเขาพี่ยิ่งเศร้าโศกถึงคะนึงสมรแต่โหยหวนชวนคิดจิตอาวรณ์อยู่เหนือหลังกุญชรที่เดินทางเข้าบุกป่าฝ่าดงในพงชัฏล้วนไม่ไล่เลาะลัดลงล้มขวางแล้วเข้าในป่าระหงแลดงยางแลสล้างสูงเวลาดูแปล่าตาวายุเวกพานพัดระบัดโบกเขยื้อนโยกร่มรุกขสาขาใบระบัดพัดระงมเมื่อลมพาเสนาะลั่นหิมวาวิเวกใจก็ล่วงลุเข้าป่าพนาเวศอันพงเพศมีนามตามวิสัยชื่อบ้านเต่าเสาสล้างอยู่กลางไพรพระสุริย์ใสอ่อนสีลงสายัณก์ก็แรมพลหยุดพักสำนักบ้านให้เตรียมการพร้อมพวกพลขันธ์ทุกหมวดหมู่ตรวจเกณฑ์ตระเวนกันเขม้นมั่นอยู่ด้วยราชไพรีครั้นรุ่งยกโยธาออกคลาเคลื่อนเข้าทางเถื่อนตามแถวแนววิถีถึงฟากฝั่งชลธาร์วารีประเทศที่ลำเขินสะอาดชลกระสินธิ์เชี่ยวเลี้ยวไหลอยู่โครมครื้นจะคิดคืนหลีกลัดก็ขัดสนแสนลำบากยากใจกับไพร่พลเป็นจำจนแล้วก็ลงในคงคาด้วยเดชะบารมีเป็นที่ตั้งก็ล่วงลุถึงฝั่งดังปรารถนาอันเงือกงูกุมภีล์ไม่บีฑาทั้งสินธพไอยราไม่อันตรายครั้นถึงฝั่งแล้วก็ตั้งพยุหบาตรยุรยาตรไปตามกำหนดหมายพอเวลาสายัณห์ตะวันชายก็ถึงค่ายกองหน้าสำนักแรมทำรั้วอ้อมเรือนปิดไว้มิดรอบด้วยเขตขอบบ้านปอนั้นล่อแหลมไอ้ลาวเที่ยวเล็ดลอดมาสอดแนมด้วยย่านบ้านแซกแซมกันเนื่องไปเสด็จถึงพลับพลาในค่ายล้อมสะพรั่งพร้อมโยธามาไสวเข้าหน้าที่นั่งทางไม่วางใจทั้งนายไพร่ก็ระมัดระวังตน            

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น