วันอังคารที่ 20 ธันวาคม พ.ศ. 2554

พุท้าวพุนาง

กาลครั้งหนึ่ง มีนางยักษ์ตนหนึ่งชื่อว่ากินนา อาศัยอยู่ในบ้านหลังใหญ่ใกล้ภูเขา  นางกินนายังเป็นสาวไม่มีผัว  อยู่ตัวเดียวเดี่ยวโดด  ทุก ๆ เช้านางกินนาจะเดินไปตามป่า  จะกลับมาบ้านต่อเมื่อถึงเวลาอาหาร  นางจะเฝ้าดูน้ำที่ไหลไปตามซอกหินและต้นหญ้า  บ่อยครั้งที่นางจะนั่งอยู่ใต้ต้นไทรที่แผ่กิ่งก้านสาขาออกไปกว้าง  ทำให้ร่มเย็นแสนสบาย
การที่นางกินนาใช้ชีวิตส่วนมากอยู่ในป่าเช่นนั้น  ทำให้นางคุ้นเคยกับสัตว์ป่านานาชนิด  บางครั้งจะเห็นนางนั่งเล่นอยู่กับนกจำนวนมาก  นกเหล่านั้นจะร้องเพลงให้หล่อนฟัง และบางครั้งหล่อนก็จะขึ้นไปนั่งบนคอช้างป่า
เช้าวันหนึ่ง นางกินนาได้เห็นชายหนุ่มคนหนึ่งกำลังเดินเข้ามาในป่า ชายหนุ่มคนนั้นมีรูปร่างงดงามราวกับพระอินทร์(ลาวชอบเปรียบคนรูปงามว่างาม ราวกับอินทา ในต้นฉบับอธิบายไว้ว่า อินทาเป็นเทพเจ้าแห่งความงาม) หนุ่มผู้นั้นถือปืนไว้ในมือ นางกินนาใฝ่ฝันอยู่นานแล้วที่จะมีสามีสักคนหนึ่ง  หล่อนจึงรู้สึกปลื้มใจอย่างบอกไม่ถูกเมื่อแลเห็นหนุ่มรูปงามคนนี้
ขณะที่นางกินนากำลังรำพึงฝันหวานอยู่นั้น  นางก็ระลึกขึ้นได้ว่านางเป็นยักษ์รูปร่างหน้าตาน่าเกลียด  เมื่อชายหนุ่มเห็นเข้าก็คงจะไม่หลงรักอย่างแน่นอน  อย่ากระนั้นเลยปลอมแปลงกายให้งดงามเสียก่อนจะดีกว่า นางจึงร่ายเวทมนต์กลายร่างจากยักษ์เป็นหญิงสาวรูปงาม มีเสน่ห์ยากที่หญิงใดจะเทียบเคียงได้ เมื่อแปลงกายแล้ว  นางกินนาก็ออกเดินเข้าไปหาชายหนุ่มแล้วถามว่า
“ พี่เข้ามาในป่าจะไปไหนหรือ”
“  ฉันมาล่าสัตว์”  ชายหนุ่มตอบ
แล้วถามต่อไปว่า “เธออยู่ที่นี่คนเดียวหรือ”
“ จ้ะ ฉันอยู่คนเดียว อยู่กับนกกับต้นไม้”
เสน่ห์ของนางกินนาทำให้ชายหนุ่มเริ่มจะหลงรัก เขาเดินเข้ามายืนอยู่ใกล้ ๆ แล้วชวนพูดคุยถึงเรื่องต่าง ๆ   เมื่อเห็นหญิงสาวไม่รังเกียจ  ก็ชวนไปนั่งคุยที่ลานหญ้าใกล้ลำธารชายหนุ่มได้บอกชื่อของเขาให้หล่อนทราบว่า เขาชื่อพุทเสนแล้วเล่าเรื่องราวให้หล่อนฟัง  นางกินนาได้ขอร้องให้ชายหนุ่มพักอยู่กับหล่อนนาน ๆ พุทเสนก็ยอมตกลงด้วยความยินดี
พุทเสนอยู่กับนางกินนาด้วยความสุขสำราญ  จนทำให้เขาลืมมารดาที่อยู่อย่างยากจนทางบ้าน
วันหนึ่งนางกินนาได้บอกความลับของนางให้พุทเสนฟังด้วยความไว้วางใจ
“ พี่  ฉันลืมบอกพี่ไปว่าในหีบใบนี้มีมะนาวที่ไม่รู้จักสุกไม่รู้จักเหี่ยวอยู่หลาย ผล  เป็นมะนาววิเศษที่ตกทอดมาตั้งแต่ครั้งย่าครั้งยายของฉันทีเดียว  มะนาวเหล่านี้มีอำนาจวิเศษมาก พี่เคยไปเที่ยวสวนของฉันบ้างไหม”
“ไม่เคยเลย” ชายหนุ่มตอบ “อยู่ที่ไหนล่ะ”
“อ๋อ” กินนาตอบ “อยู่ห่างจากนี่สักแปดสิบเส้นเห็นจะได้  แต่ฉันขอร้องอย่าได้คิดไปเลย มันมีอันตรายมาก”
พุทเสนไม่ตอบ  แต่เขาก็ยังคงคิดถึงเรื่องสวนแห่งนี้
วันหนึ่งเมื่อนางกินนาไม่อยู่  พุทเสนก็ถือโอกาสตอนที่นางกินนาไม่อยู่นั้นไปที่สวนที่นางกินนาห้าม  ในสวนแห่งนั้นพุทเสนได้พบกระดูกมนุษย์ทับถมอยู่ในคูเกือบเต็ม  พุทเสนนึกเดาเรื่องได้ตลอด นางกินนาไม่ใช่มนุษย์ธรรมดาอย่างแน่นอน  เขาเกิดความกลัวขึ้นมาจึงวิ่งกลับมาบ้านแล้วเข้าไปในห้องเปิดหีบหยิบมะนาว วิเศษออกมา  เขาไม่รีรอให้เสียเวลารีบวิ่งออกจากป่าไปทันที
หลังจากที่พุทเสนหนีไปได้ไม่นานเท่าไรนัก นางได้เข้าไปดูที่เก็บมะนาวไว้ พอรู้ว่ามะนาวหายก็นึกรู้ได้ทันทีว่าพุทเสนรู้ความลับและหนีไปแล้ว นางจึงกลับกลายเป็นยักษ์ตามเดิมแล้วไล่ตามพุทเสนไป
ด้วยกำลังยักษ์ นางกินนาวิ่งตามเพียงพักเดียวก็แลเห็นหลังพุทเสนไว ๆ นางกินนาร้องเรียกให้พุทธเสนหยุดพูดกันก่อน  แต่พุทเสนไม่ยอมฟังเสียง  เมื่อเห็นนางกินนาใกล้เข้ามา  พุทเสนก็ล้วงเอามะนาวในย่ามออกมาผลหนึ่งแล้วขว้างไปตรงหน้านางกินนา ทันใดนั้นก็เกิดเป็นกองไฟกองมหึมาลุกลามกั้นนางกินนาไว้ ได้ยินแต่เสียงนางกินนาร้องเรียกแต่มองไม่เห็นตัว เพราะเปลวไฟลุกโพลง
พุทเสนไม่รอช้าขณะที่ไฟกำลังลุกโชติช่วงอยู่นั้น  เขาก็วิ่งหนีต่อไป  แต่หนีไปไม่ได้ไกลเท่าไร  ก็ได้ยินเสียงนางกินนาร้องเรียกใกล้เข้ามา นางกินนาได้ใช้เวทมนต์ดับไฟสามารถไล่ตามเขามาได้อีก พุทเสนเห็นจวนตัวจึงหยิบมะนาวอีกผลหนึ่งออกมาจากย่ามแล้วขว้างไป  คราวนี้เป็นทะเลสาบกว้างใหญ่มองแทบไม่เห็นฝั่ง
นางกินนาถึงจะเหนื่อยอ่อนแต่ก็ยัง ไม่ละความพยายามกระโจนลงน้ำว่ายข้ามทะเลสาบมาอย่างกล้าหาญ  เมื่อนางกินนามาถึงฝั่งตรงข้าม  นางก็เหนื่อยอ่อนเต็มที นอนหลับอยู่ริมตลิ่งนั่นเอง นางไม่สามารถจะขยับเขยื้อนกายต่อไปได้อีก นางได้อ้อนวอนต่อสวรรค์  ขอให้ลงโทษต่อสามีที่ไม่ซื่อสัตย์ของนาง เมื่อนางอ้อนวอนสิ้นสุดลงดวงตาของนางก็ปิดสนิทนางกินนาขาดใจตายเสียแล้ว
เมื่อพุทเสนแลเห็นนางกินนานอนนิ่งไม่ขยับเขยื้อนกายเช่นนั้นก็นึกว่านาง คงจะเหนื่อย  อ่อนกำลังไม่สามารถจะทำอะไรเขาได้แล้ว  นึก ๆ ไปพุทเสนก็เกิดสงสารนางกินนาขึ้นมา  เพราะตลอดเวลาที่อยู่ด้วยกัน  นางกินนาได้เอาอกเอาใจเป็นอย่างดี  นางกินนารักพุทเสนด้วยใจจริง  เมื่อคิดถึงความหลังขึ้นมาอีก พุทเสนก็ใจอ่อนเดินกลับไปหานางกินนาที่นอนอยู่ และพอรู้ว่านางกินนาขาดใจตายไปแล้ว พุทเสนก็ทรุดตัวลงข้าง ๆ ร่างของนางกินนา พยายามพยาบาลจะให้นางฟื้นขึ้นมาอีก  แต่ไม่สำเร็จพุทเสนเสียใจมาก เขาล้มฟุบลงบนร่างของนางกินนา และขาดใจตายตามไปอีกคนหนึ่ง
ร่างของนางกินนาและพุทเสน คงอยู่ริมแม่น้ำแห่งนั้น และเมื่อหลายร้อนปีผ่านไป ร่างของทั้งสองก็กลายเป็นภูเขาสองลูก ซึ่งเรียกกันว่า ภูท้าว และ ภูนาง ยังคงมีอยู่ใกล้ ๆ กับหลวงพระบางในเวลานี้

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น